วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความหมายของชีวิต

ความหมายของ "ชีวิต" ในแบบฉบับของฉัน
...
ชีวิตของฉันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมากำหนดกฎเกณฑ์ว่ามันจะต้องอยู่ในรูปแบบไหนและเป็นไปในอย่างที่ใครอยากให้เป็นและต้องการคาดหวังให้ฉันต้องเป็นในรูปแบบใดๆ
เมื่อฉันมีสิ่งที่เรียกว่าหัวใจที่เป็นของฉัน..ชีวิตของฉันก็ต้องมีอิสระที่จะเลือกในสิ่งที่ฉันอยากจะทำอยากจะเป็นในรูปแบบที่ฉันพอใจถึงแม้ว่ามันจะดูขัดตาขัดใจต่อความรู้สึกของใครๆหลายคนก็ตาม...

ฉันรู้แต่เพียงว่า …การได้เกิดขึ้นมาแล้วได้ทำตามฝันตามความรู้สึกของตัวเองคือสิ่งที่ถูกต้องเป็นการตอบสนองจิตตนอย่างซื่อสัตและจริงใจกับตัวเองเป็นที่สุด โดยที่บางครั้งสิ่งที่เป็นความฝันนั้นมันจะไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จและความพึงพอใจให้กับคนรอบข้าง

เมื่อฉันเลือกที่จะทำต่อให้ผลมันออกมาเป็นศูนย์อีกสักกี่ครั้งฉันก็จะไม่มีวันล้มเลิกความพยายาม
ฉันรู้ว่าการจะเดินตามฝันมันต้องใช้เวลาไม่มีใครได้ทุกอย่างมาอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ผ่านการทดสอบใดๆ..บางอย่างที่เราได้มาบางครั้งเราก็ต้องเสียบางอย่างให้กับสิ่งนั้นไป

อุปสรรคหลายต่อหลายครั้งที่เข้ามาบั่นทอนพลังใจ มันไม่ได้ทำให้ฉันต้องหวั่นไหว ถึงฉันจะแพ้หรือชนะไม่ใช่เป็นเพราะฟ้าเล่นเกมอะไร...แต่มันอยู่ที่ว่า..ฉันไม่ได้มีฟ้าเป็นคู่แข่งในเกมของฉันต่างหาก
...
เมื่อฉันมีความฝัน...
ฉันมักจะใช้หัวใจนำทางมากกว่าการใช้เหตุและผลเพื่อดูความเหมาะสมมาวัดผลของความสำเร็จและความน่าจะเป็นไปได้ใดๆ...เพราะว่าฉันไม่ต้องการที่จะสูญเสียเสียงข้างในหัวใจของฉันไป
ด้วยเหตุนี้แม้คนทั้งโลกจะมองว่าฉันบ้าบอกว่าฝันของฉันมันไม่ใช่มันเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยไม่สร้างสรรค์หาความจริงไม่ได้

แต่เมื่อเสียงของหัวใจมันบอกให้ทำ...ฉันก็จะทำตามเสียงของหัวใจ...
เพราะฉันรู้ว่าสิ่งที่เลื่อนลอยไม่เคยทำร้ายใคร..ซึ่งก็เหมือนกับความฝันของฉันมันก็ไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือดร้อน..เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันถึงเลือกที่จะก้าวเดินตามทางที่ฉันได้ฝันไว้ต่อไป

“และนี่ก็คือความหมายที่แท้จริงที่สุดของการมีชีวิตอยู่ในความรู้สึกซึ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะตัวของฉัน ซึ่งคนที่ไม่มีความฝันคงจะไม่เข้าใจ”

...สำหรับหัวใจทุกดวงที่มีความฝัน...
เมื่อพบกับขวากหนามไดๆก็จงอย่าหวั่นกลัวจนทำให้ต้องสูญเสียพลังความฝันไป
...
ส่วนหัวใจดวงใด...ที่ยังไร้ความฝันมองไม่เห็นทางที่จะก้าวไปก็จงพยายามต่อไปจนกว่าจะได้พบกับสิ่งที่ฝัน..
“หากคุณพยามค้นหาแล้วยังไม่พบ...ก็จงรอต่อไป”

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความห่วงใยจากสายลม

หากฉันมีกล่องสักหนึ่งใบไว้ใส่คำอธิษฐาน 
 ฉันจะเก็บเกี่ยวภาพความทรงจำจากวันวานล็อกใส่กุญแจไว้ 
แล้วส่งไปให้กับสายลมช่วยพัดพา
เอาความสุขสงบมาสู่ใจของคนไทย 
ขอวานสายลมช่วยดลใจ...เติมเต็มรอยแยกตรงกลางใจ
ของพี่น้องผองไทยทุกๆคน
 ให้เรื่องราวแต่ก่อนเก่าเฝ้าย้ำเตือนความทรงจำ 
 ให้รักช่วยชุบใจ ให้ฟากฟ้าโอบกอดไว้
 ให้พระจันทร์ขับกล่อมความระทม
 ให้เธอจงซึมซับความสงบและสันติ
 ปล่อยใจเปิดตาที่มีม่านบางอย่างมากั้นไว้
 ให้ไอรักสมัครสมานเข้าไปสถิตอยู่กลางใจ
 อุปสรรคทั้งหลายให้เลือนรางจากสายตา

เพื่อนไทยเอย ช่วยสงบและรับฟัง
ในความทรงจำแม้ภาพนั้นจะสั้นและเลือนราง
แต่วันนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงจะกล่าวขาน
เรื่องราวที่บัดนี้เกือบจะเป็นเหมือนตำนาน
 สายลมแห่งความรักจะบัลดาลภาพความสุขอมตะที่เป็นนิรันกาล
 สายลมแห่งการให้อภัยจะช่วยประสานรอยร้าวรานของคนไทย
ให้หวนคืนความสดใสผ้นกลับไปยังวันวาน
 แต่ก่อนเก่าเราร่วมกันฝ่าฟันมาเคียงบ่าเคียงไหล่จนเป็นไทย 
 แต่บัดนี้เริ่มเปลี่ยนไปดังสายลมพัดพาไปไม่ถึงกัน

 พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนนภาท่านได้ยินเสียงร่ำหาความเป็นธรรม
เมื่อรู้ว่าเสียงหัวใจไทยร้องร่ำ...จึงบอกผ่านพระอาทิตย์ให้ช่วยมอง
และขอร้องให้สายลมช่วยเปลี่ยนแปลง

วันนี้ก่อนที่มันจะสายจนเกินไปอยากให้ไทยช่วยสิ้นสุดกันเสียที
 เราได้ก้าวผ่านคืนวันเวลาดีๆเหล่านั้นมากันไกลแสนไกล
 จนทำให้เราเกือบจะหลงลืมความเป็นไทย
รอยยิ้มไทยครองในห้องหัวใจอันร้าวราน 

ฉันรู้ว่าถึงมันจะไม่ง่าย
ถึงเพื่อนไทยทั้งหลายจะยังไม่ได้สติอย่างใจหวัง
 ถึงปริศนาที่คาใจไม่ได้ไขให้ปรากฏเป็นพลัง
 เช่นนั้นเราก็ควรปลดลดที่หัวใจ...สลักความชอกช้ำกับผืนทราย
คลื่นทะเลจะซัดสาดเรื่องร้ายๆให้สลาย
ภายใต้อ้อมกอดฟ้าสีคราม

...ตราบเท่าที่พระอาทิตย์ยังคงทอประกาย ขอให้ไทยจงมั่นไว้ในความงาม กิตติศัพท์มากมายที่ร้ายๆอย่าได้ทำให้เราต้องอับอาย ความงดงามของไทยไม่เคยจะเลือนหายแค่วันนี้เมฆครึ้มกั้นบังไว้เมื่อคราใดที่พระอาทิตย์สาดลงไปเมื่อนั้นเมืองไทยจะพบทาง...

                                             

                                ...วัคซีน...

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ศิลปะแห่งรัก

ความรักมีรูปแบบหลากหลาย มีแบบฉบับเฉพาะตัวของใครก็ของคนนั้น รักไม่มีแบบ ไม่มีระเบียบ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่เคยทำให้ใครหยุดคิดในเรื่องความรัก ความรักไม่ใช่ปัจจัยในการดำรงชีวิต แต่ความรักสามารถหล่อเลี้ยงและชุบชีวิตที่กำลังจะเฉาตายให้ฟื้นคืนใหม่อีกครั้ง

ความรักมักเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งใจ แล้วก็มักจากไปอย่างไร้ล่องรอย ความรักไม่มีวันตายแต่เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่เคยเติบโตได้อย่างสมบูรณ์สักที

ความรักคือการเรียนรู้ศิลปะชีวิตของคนที่เราคิดจะรัก แต่ใช่ว่าความรักจะทำให้คนที่เรารักจะเข้าใจและรับรู้ทุกอย่างในสิ่งที่เราคิด

ความรักไม่มีพิษ แต่มีฤทธิ์มีเดช บางเวลาก็บัลดาลให้คนซึมเศร้า บางครั้งให้เอาแต่ใจ บางทีให้มีแต่ให้ แต่หากวันไหนไม่ถูกใจก็แผดเผาให้วอดวายบรรลัยกัน

วันนี้ก่อนที่คุณคิดจะมีรัก คุณเข้าใจความรักและเรียนรู้ความต้องการของหัวใจคุณดีหรือยัง แล้วคุณเคยรู้บ้างไหมว่า คนที่คุณรักเค้าไม่ต้องการให้คุณบอกเค้าภายหลัง ในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำที่คุณเคยบอกกล่าวกับเค้าในตอนแรก

เมื่อรักต้องลืมว่าเราเคยเจ็บมายังไง เมื่อรักต้องลืมว่าคนเก่าดียังไง เมื่อรักต้องอย่าลืมว่าเราเคยห่วยเรื่องอะไร เมื่อรักจงอย่ามองเขาดีเกินไป เมื่อรักต้องถามว่าหัวใจเราว่าต้องการคนแบบไหน เมื่อรักอย่าคาดหวังให้เขาดีกับเราอย่างไร เมื่อรักต้องรักอย่างเชื่อใจ และเมื่อเลิกรัก อย่าบอกว่าเขาดีเกินไป

!!อย่าเอาความรักที่สวยงามมาเผาเล่นเพื่อดับไฟในอารมณ์!!

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พรุ่งนี้ต้องดีกว่าหากเราตั้งใจ

การได้เกิดมามีชีวิตใช้เวลาแค่เพียงแค่ไม่นาน...แต่ในการจะทำให้ชีวิตที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วมีค่ามีความหมายมีความดีงามสร้างไว้ให้ประวัติศาสตร์ได้จดจำอาจต้องใช้เวลาชั่วชีวิตในการแสดงให้เห็นถึงการกระทำนั้น หลายหนหลายครั้งที่การกระทำถูกปฏิเสธถูกคนมองไม่เห็นถึงคุณค่า หลายครั้งที่การกระทำของเราที่คิดว่าดีแล้วนั้น...กลับย้อนมาสร้างความกดดันและบั่นทอนกำลังใจของตัวเราให้หดหายเสื่อมถอยด้วยค่าลง หลายครั้งที่เราก็ไม่อยากจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ หลายครั้งเราไม่มั่นใจในความคิดของคนอื่นว่าจะมีความจริงใจและเปิดรับในสิ่งต่างจากความคิดอีกมุมหนึ่งที่เขาควรจะรับไว้บ้างเพื่อพิจารณาก็ยังดี..

ด้วยเหตุนี้จึงมีอัจฉริยะบุคคลมากมายที่มักจะถูกลืม และด้วยเหตุนี้จึงทำให้อัจฉริยะบุคคลทั้งหลายที่มีความมั่นใจน้อยต้องจมตัวอยู่กับคำถามและความน้อยอกน้อยใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าคนเราทุกคนมีความตั้งใจและมั่นคงกับจิตใจของตัวเองอย่างแรงกล้า...เวลาที่เราเลือกจะทำอะไร..ไม่ว่าผลมันจะออกมาอย่างไรก็จงอย่าเสียใจในสิ่งที่เราได้กระทำ แต่จงมั่นใจภูมิใจวางใจปล่อยใจในสิ่งที่คุณได้กระทำไปแล้ว และจงเสียใจในสิ่งที่คุณคิดได้แต่ไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย..เพียงแค่นี้ความคิดดีๆมันก็จะยังคงคุณค่าอยู่กับเราได้ตลอดไป แก่นแท้ของความเป็นปราชญ์ต่อให้เวลานี้ตอนนี้ยังไม่มีใครคนใดมองเห็นต่อให้เวลาผ่านไปนานสักเท่าไหร่ต่อให้คุณต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิตในการแสดงให้เห็นก็ไม่ได้ทำให้บุคลิกเนื้อแท้แห่งความเป็นปราชญ์นั้นเสื่อมด้วยสูญค่าลงไป

มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาชนะ ความโง่ ด้วยการท้อแท้และถอยไปเพราะการต่อสู้กับอุปสรรคก็คือการเอาชนะความไม่รู้ของเรา เมื่อไหร่ที่เราได้เป็นผู้ชนะเมื่อนั้นเราก็จะหลุดพ้นจากความไม่รู้ หลุดจากคำถามที่ตั้งโจทย์จากความโง่เง่าเพื่อรอให้คนอื่นมาตอบ เพราะคำตอบที่เราต้องการไม่ได้มาจากคนนอกแต่แท้จริงแล้วเราต้องหามันจากจิตวิญญาณของเรา...วันนี้ก่อนที่คุณคิดจะทำอะไรเคยตั้งถามกับตัวเองบ้างไหมว่าคุณได้ทำจากจิตวิญญาณหรือเปล่าและคุณต้องการอะไรในสิ่งที่คุณกระทำ?


...... เมื่อไหร่ที่เราปล่อย ให้ความรู้สึกอ่อนไหวในจิตใจของเราลำพองตัว เมื่อนั้นมันก็จะเข้ามาดึงเอาความฝันของเราไป และเมื่อนั้นเราก็จะกลายเป็นบุคคลที่ได้รับโล่ ว่าเป็นผู้ที่มีความโง่เขลาเป็นอันดับหนึ่งของจักรวาลอย่างเต็มตัว และเมื่อนั้นเรามั่นใจไหมว่าเราจะยอมรับตราโล่อันนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ....