วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Ralph Waldo Emerson (ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน)




ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน (Ralf Waldo Emerson, พ.ศ. 2346-2425)
       กวีและนักเขียนบทความ เกิดที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
ได้รับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเริ่มชีวิตด้วยการเป็นครู
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2372 ได้บวชเป็นพระที่โบสถ์ยูนิทาเรียน ในเมืองบอสตัน
แต่ด้วยการมีมุมมองที่ถูกมองว่าแปลกที่น่าถกเถียงกันมากจึงต้องสึก
     ในปี พ.ศ. 2376 เอเมอร์สันได้เดินทางท่องเที่ยวยุโรปและได้พบกับทอมัส คาร์ลีลย์
 (Thomas-Carlyle)ซึ่งได้ติดต่อกันอย่างใกล้ชิดต่อมาเป็นเวลาถึง 38 ปี 
ในปี พ.ศ. 2377 เอเมอร์สันได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองคองคอร์ดรัฐแมสสาชูเสตส์
และได้เริ่มแต่ง บทร้อยแก้วกระทบอารมณ์ (Prose rhapsody)ชื่อ “ธรรมชาติ (Nature)”

      เมื่อ พ.ศ. 2379 และบทกวีอื่นๆ ที่สำคัญอีกหลายชิ้นงาน
โดยเฉพาะเรื่อง “การดำเนินชีวิต (The Conduct of life – พ.ศ. 2403)
เอเมอร์สันได้รับการยกย่องว่าเป็นนักอุตรวิสัย หรือนักคิดเหนือธรรมชาติ (transcendentalist)
ด้านปรัชญา เป็นนักถือเหตุถือผลทางศาสนาและเป็นผู้สนับสนุนอย่างแรงกล้าในด้านปัจเจกชน

ผลงาน
  • Essays: First Series (1841)
  • Essays: Second Series (1844)
  • Poems (1847) 
  • Nature; Addresses and Lectures (1849)
  • Representative Men (1850)
  • English Traits (1856)
  • The Conduct of Life (1860)
  • May Day and Other Poems (1867)
  • Society and Solitude (1870)
  • Letters and Social Aims (1876)
บทความ
  • "Self-Reliance" (Essays: First Series)
  • "Compensation" (First Series)
  • "The Over-Soul" (First Series)
  • "Circles" (First Series)
  • "The Poet" (Second Series)
  • "Experience" (Essays: Second Series)
  • "Nature" (Second Series)
  • "Politics" (Second Series)
  • "The American Scholar"
  • "New England Reformers"
กวีนิพนธ์
  • "Concord Hymn"
  • "The Rhodora"
แหล่งข้อมูลจาก วิกิพิเดีย

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทรงพระเจริญ





ยามเมื่อความหวังของเราเริ่มเลือนตา

ยามเมื่อท้องฟ้าพัดพาสวรรค์เข้าสู่มวลดาราอันมืดมิด

มีเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความหวังเมื่อยามลูกหลับตา

คือความรักที่แผ่กระจายไปทั่วหล้า

คือความรักของ “พระองค์ภูมิพล”

พระองค์ผู้ซึ่งไม่เคยทอดทิ้

พระองค์ผู้ซึ่งให้ความรักแม้ในยามเราริษยา

ความรักของพระองค์ส่งไปถึงทุกความเวิ้งว้างว่างเปล่า


แม้ในที่ที่ห่างไกลสุดตา

เมื่อยามใดที่ใจลูกอ่อนล้า แต่เมื่อลูกแหงนมองขึ้นไปบนนภา

ลูกจะเห็นความรักของพระองค์ทุกคราที่ตะวันสาดส่อง

แว่วถึงกระเเสเสียงอันอ่อนโยนแสนอบอุ่นแห่งพระเมตตาของพระองค์

ลูกก็มีพลังก้าวเดินต่อไป

ความรักของพระองค์งดงามเหนือกว่าถ้อยคำใดๆ


ที่โลกได้บัญญัติไว้ทั้งหม

ความเมตตาของพระองค์จะนำพาเราไปถึงฝั่งฝันแห่งความเป็นนิรันดิ์

ตรงที่ที่จะไม่มีกำแพงแห่งความหมายมากำหนดค่าของรักนั้น

ลูกจะขอเทิดทูนรักและบูชาในพระองค์จะไม่ขอไปไกลห่างจากรักนี้

จะมั่นรักษารักไว้ด้วยดวงใจให้เหมือนที่พระองค์ทรงรักเรา


...ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...





                                                             ...วัคซีน...

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผู้ชายห่วยๆ




ยามเมื่อต้องทนนิ่งอยู่บนเศษซากของการทำลายล้าง

ยามเมื่อต้องทนกดข่มอารมณ์อย่างไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร

พร้อมกับความรุนแรงที่กระหน่ำห้ำหั่นเข้าใส่

พยายามกดข่มอารมณ์เอาไว้ แต่ครวญถามกับมันอยู่ในใจ "เมิงจะพูดหาเชี่ยอะไร"

ความแค้นใจเกิดขึ้นตรงนั้น, สุดทานทนกับความเหี้ยที่มันสาดโคลนให้

ไม่มีใครพ่ายแพ้กับเกมส์นี้ เมิงก่อสร้างภาพพจน์ตัวเองขึ้นมา

หวังเอามากลบความอัปยศปมด้อยที่ตัวเมิงมี แต่น่าเสียดายมันกลับพังทลายหายสิ้น

จงจดจำทุกความหมองหม่นและความอัปยศนี่ไว้ไอ้ฟาย

วันนี้กรูจะปล่อยมึงไป

แต่วันหน้าถ้าความมืดเข้าบังตาทุกองค์เทพ

กรูไม่รับประกันว่ากรูจะอดทนอารมณ์คนดีของกรูไว้ได้

แล้วมึงจะรู้จักกรูดีกว่านี้ไอ้ฟาย

สักวันความระยำในตัวมึง

จะไม่มีใครรับมึงไว้ในอ้อมแขน

มันจะสอนให้เมิงลึกซึ้งกับความหนาวเหน็บพ่ายแพ้และสิ้นหวัง

จนกระอักเลือดสุดท้ายเมิงจะต้องอยู่อย่างอับอายและไร้เกียรติ

..ไอ้คนระยำ..  



                                                                ...วัคซีน...

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เธอรักฉันที่ตรงไหน




เคยมีคนถามว่าทำไมต้องเขียน ทำไมชอบเขียน??

หรือบางคนก็สงสัยว่าเขียนทำไม อยากได้อะไรจากการเขียน??

อยากเป็นคนดังหรือ หรืออยากใกล้ชิดคนดัง หรืออยากมีคนรู้จัก

 หรือที่ร้ายแรงที่สุด อยากสร้างภาพเพื่อขายตัวเองหรือ??

...

ทุกคำถามทุกความสงสัยในการเขียนบล็อกมาเป็นเวลา 3ปี
ดิฉันโดนมาหมดตั้งแต่ร้ายที่สุดไปจนถึงคำสรรเสริญชื่นชมยินดีที่มีค่าที่สุด..

...

แต่ดิฉันไม่เคยตอบกับผู้คนที่เข้ามาตั้งข้อสงสัยเหล่านั้นสักครั้ง

..ว่า..

ทำไมดิฉันถึงเขียน..

"เพราะดิฉันคิดว่าไม่จำเป็น"

... 

คนเราไม่สามารถยัดเยียดความรู้สึกภายใต้จิตไร้สำนึกของตัวเราเองให้คนอื่นได้

คนทุกคนมีเจตจำนงภายใต้จิตสำนึกต่างกัน บนพื้นที่ว่างๆภายในหัวใจตรงนั้นเราไม่สามารถรู้ได้

..ว่า..

ใครเก็บอะไรไว้..หรือทำอะไรไว้เพื่ออะไรและทำไม??..

ตัวเราเท่านั้นที่ตอบคำถามให้ตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้นทำกับ

..ทุกสิ่ง..

และสิ่งนี้ทีฉันทำอยู่ทุกวัน มันไม่มีอะไรน่าสงสัยหรือซับซ้อนในเจตจำนงของตัวฉันเลย

...

 ที่ตรงนี้เป็นแค่ที่ระบายเมื่อยามฉันอึดอัดใจ

เมื่อยามเหงาไม่รู้จะพูดคุยกับใคร

เป็นที่ที่ทำให้ฉันสามารถระบายสีอะไรก็ลงไปก็ได้ที่มันอยู่ในหัวใจของฉัน

มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะสยบยอมและอ่อนไหวกับคำของคนบางคำ
และปิดโลกแห่งนี้ของฉันแล้วหนีหายไป
...

ถึงแม้คำที่ออกมาจากคนบางคนมันจะทำให้ฉันแทบกระอักเลือดน้ำตาตกในก็ตามที

มันไม่มีเหตุผลใดเลยที่ฉันจะใส่ใจ เพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่เก็บข้อมูลขยะจากลมปากของคนบางคน

...แต่ที่แห่งนี้...

..คือ..

ประวัติศาสตร์ของฉันที่แห่งนี้คือห้องสมุดชีวิตของฉัน
เมื่อฉันอยากมาอ่านอยากมาฝากอยากมาค้นหาฉันก็ทำได้ทันที

 และถ้าหากคุณอยากมาอ่านอยากมาจับผิด อยากค้นหา อยากชื่นชมคุณก็ทำได้อย่างมีอิสระทุกนาที
 ที่แห่งนี้ไม่ปิดกั้น ทุกการกระทำและทุกความคิดที่คุณมี
จะด้วยความรัก ความชื่นชม
...
 หรือจากด้วยเหตุผลของสัญญาณจากจิตวิญญาณเดียวกันที่มี
จะด้วยอะไรก็ตามทีคุณมีอิสระที่พร้อมจะทำได้ตามใจ..

....
....

คนบางคนชอบมองแต่นอกกาย ชื่นชมอะไรที่ดูว่าสวยงาม

คนบางคนก็ดีแต่นอกกาย ลึกลงไปในจิตใจไม่เป็นอย่างฝันเลย

จะรักที่ตรงไหน จะรักที่ใจหรือนอกกาย อยากจะรู้จริงๆ บอกฉันให้เข้าใจ

"จะมีไหมสักคนที่รักกันจริงไม่เหยียดหยาม รักตัวตนจริงๆที่ฉันนั้นเป็นอยู่??"



                                                                      ...วัคซีน...

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เจ้าหญิงในเงา




เมื่อทำนองของชีวิตบรรเลงพร้อมแสงตะวัน
...

การหลบหนีในห้วงเวลาครั้งสุดท้ายก็มาถึง
...
...

เมื่อพายุร้ายเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

...

เมื่อมันพัดความฝันฉันแตกกระจายลงเกลื่อนพื้น

...

ฟ้าไม่เคยมอบโอกาสให้ฉันได้รู้สึกแม้แต่คำว่า "จงเสียดาย"

ฟากฟ้ามีแต่เส้นทางให้ฉันต้องเลือกไป

...

ฉันเคยฝันจะเอื้อมมือขึ้นแตะฟ้า แล้วพายุก็พามันหายไป

แม้นฉันจะถอดใจแต่ยังคงเดินต่อไปเพื่อจุดหมาย

...

สำหรับความฝันที่ยังห่างไกล

สำหรับหัวใจที่ยังปรารถนา สำหรับเงาแห่งภาพลวงตา

สำหรับห้วงเวลาที่ไม่เคยจริง

...

ทุกอย่างมีกฎให้ฉันต้องหลับตา เพื่อตามหาความพอใจที่แสนเศร้า…

เมื่อมันคือความฝันฉันจึงต้องยอมคุกเข่าให้กับเหตุผลที่ไร้ความหมาย

สยบยอมต่อกฎของกาลเวลา..และภาวนาให้จินตนาการพาฉันโบกบินไป

...

ชีวิตไม่เป็นดั่งหวังได้ทุกอย่าง แต่ความฝันยังมีที่ทางให้ต้องไป

...

ความฝันทำฉันเจ็บปวดมาบ่อยครั้ง ฉันเหนื่อยเหลือเกินกับเส้นขนาน

เหงาเหลือเกินกับทางเส้นนั้นที่แสนเดียวดาย

...

แต่เมื่อฉันยังเลือกได้ก็จะขอสัมผัสท้องฟ้าดูสักครั้ง ก่อนที่จะหลับใหลไปชั่วนิรันดร

โดยไม่เคยรับรู้เลยสักครั้งว่า"ความฝันนั้นมีค่างดงามเพียงไร"...

                                                                       
                                                                                                ...วัคซีน...

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

"Not Alone"LINKIN PARK





"เขียนถึงคนมีอำนาจ"(จากคนไร้อำนาจ)"

วันนี้ในวันที่ค่าเงินบาทแข็ง ในวันที่ใครก็ฉลองให้กับความน่าเลื่อมใสในความปราดเปรื่องของคนที่สามารถทำให้ค่าเงินบาทแข็ง วันที่ใครๆก็บอกว่าไม่นานมันก็จะดีเรากำลังเดินหน้าร่วมกันแก้ไข ดังนั้นด้วยมิตรภาพและความรักด้วยความยินดีและดีใจ จึงอยากจะมีคำกล่าวสักบางอย่างซึ่งมาจากความรู้สึกของคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเค้าไม่มีอำนาจและไม่มีความปราดเปรื่องใดๆ

...แต่...

เขามีความทรงจำอันโหดร้ายมันเกาะกินทุกๆความรู้สึกในทุกๆอนู...ที่ยังไม่ตายด้านเสื่อมสลายในตัวเขา เสียงคนก่นด่าสาปแช่งให้ความหมายว่าเขาเป็นคนเลวร้าย  เหมือนยิ่งซ้ำเติมบาดแผลของเขาให้กว้างและลึกยิ่งๆขึ้นไป...และวันนี้  วันที่ฉันอยากเป็นกระบอกเสียงส่วนหนึ่งของเขาเพราะส่วนหนึ่งของพวกเขาเหล่านั้นก็มีฉันอยู่ในจำนวน 1



เราแค่อยากจะบอกว่าพวกคุณคิดเองเออเองว่าเราคือคนเลวร้าย หัวใจอันอิสระทุกๆดวงของพวกเราตกอยู่ภายใต้ค้อนของคุณ พวกคุณไม่เคยสวมหมวกสีขาวมองดูและตัดสินเรา พวกคุณไม่เคยให้อิสระและมองดูเราอย่างไม่อคติ พวกคุณให้เราเป็นได้แค่มือข้างซ้ายทีไม่มีสิทธิ์อะไร ทุกครั้งที่คุณทุบค้อนพลาดมาใส่ มือข้างซ้ายทำได้แค่ทนเจ็บและปล่อยให้มันค่อยๆหายไป เอง มือข้างซ้ายไม่เคยมีสิทธ์เรียกร้องความยุติธรรมไม่มีสิทธิ์แม้จะบอกว่าต่อไปคุณอย่าทำพลาดอีก..



คุณยืนสง่าอยู่ข้างบนนั้นพร้อมสายลมแห่งชัยชนะ ทุกๆการกระทำเผยความรู้สึกที่แท้จริงว่าเราถูกหมางเมินเพียงไร เราไม่ได้ต้องการเป็น “ไอ้ตัว???อะไร” ที่ปรารถนาแต่การปะทะอยู่ตลอดเวลา เราแค่ต้องการพื้นที่ให้เราได้ยืนอย่างมีอิสระ เราต้องการแค่สายตาที่มองดูเราแล้วมีความหมายตรงข้ามกับสิ่งร้ายๆและตีความหมายว่าเราคือคนทำ เราไม่ต้องการให้ใครมาระแวงแม้กระทั่งจะเดินข้ามผ่านหน้าบ้านของตัวเอง เราไม่ต้องการให้ใครมาจับเราไปแล้วบอกว่านายสั่ง เราไม่ต้องการให้ใครมาปิดล้อมและยิงถล่มบ้านพ่อแม่พี่น้องญาติของเรา



พวกคุณหลงใหลอยู่กับอำนาจที่คุณต้องการไม่เคยพอ พวกคุณไม่เคยรู้สึกรับผิดชอบต่อการกระทำที่พวกคุณได้ทำกับเราเอาไว้ คุณมองผ่านการร้องขอของความเป็นธรรมคุณตัดสินการกระทำของเราอย่างผิวเผิน คุณบ้าอำนาจคุณเห็นแก่ตัว ทุกๆโมเลกุลของความคิดในสมองคุณจงรักภักดีแต่อำนาจที่อยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น คุณไม่เคยรู้หรอกว่าอะไรที่คุ้มค่าพอที่จะต้องต่อสู้เอามานอกเหนือจากเก้าอี้ตัวนั้นที่มันหลอนตาคุณ

"คุณบอกว่าคุณจะอยู่เคียงข้างเรา คุณจะช่วยเหลือเยียวยาเรา คุณเห็นเราเป็นมิตรมากกว่าศัตรู"

ใช่คุณคือมิตร มิตรที่อยู่เคียงข้างศัตรูมิตรที่โกหกได้อย่างแนบเนียน มิตรที่ปกปิดความอัปยศของตัวเองด้วยการสั่งฆ่า มิตรที่ตัดสินด้วยกฎหมายในมือเพียงฝ่ายเดียว มิตรที่ไม่เคยให้เราได้จับยึดกับสิ่งที่จะช่วยเยียวยา มิตรที่ล็อคประตูอย่างแน่นหนาอยู่ในห้องความคิดของตัวเอง

เราเจ็บมามากแล้ว..มากกว่าครั้งไหนๆทั้งหมดที่เราเคยเจอ เราไม่เหลือทางเลือกอื่นอีกแล้วที่จะช่วยเหลือเราให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งกรรม...วันนี้เราแค่ขอระบายขอแค่ใครสักคนหนึ่งมารับฟังแล้วเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น เพราะเราไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะยืนอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ได้อย่างไรถ้าเราไม่มีวันได้เติบโต เราจะต้องต่อสู้อย่างหัวชนฝากับคนที่เราไม่รู้จักหน้าต่อไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ เราจะต้องสูญเสียอย่างไม่เต็มใจเพื่อสนองความเจ็บใจกันอีกต่อไปถึงตรงไหนกัน


เราไม่อยากมีกำแพง เราไม่อยากต่อสู้อีกแล้วเราสู้ต่อไปเราก็ไม่เคยถูกเลยเราคือคนผิดมาโดยตลอด วันนี้ก่อนที่ทุกอย่างมันจะไม่สามารถเยียวยา วันนี้เราจะขอสู้อีกเฮือกสุดท้าย เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไปหรืออะไรที่มีคุณค่าพอหรือคุ้มค่าที่คุณตีราคาเราไว้ เราไม่อยากรู้ว่าสิ่งนั้นที่คุณให้ความหมายเราเทียบเท่าได้กับอะไรแต่วันนี้เราอยากบอกคุณเท่านี้ว่า...เราขออยู่บนพื้นที่นี้ที่พ่อแม่เราสร้างมาอย่างมีอิสระได้ไหมเราไม่ได้อยากต่อสู้เอามันมาเราหวังเพียงแค่ว่าคุณให้เรามีความรู้สึกเหมือนที่ตรงนั้นเป็นของเราอย่างมีอิสระก็พอ




                                                                   …วัคซีน...


วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

~ฝันถึงเสรีภาพ~




ภายใต้ท้องฟ้าอันอิสระกับภายในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น

ฉันอยากสัมผัสว่าฉันจะหาเสรีภาพได้จากสิ่งใดกัน

หรือว่ามันไม่เคยมีอย่างที่ฉันเคยวาดฝันไว้

หรือฉันจะต้องหาความหมายของคำอันสวยหรูนี้จากใคร

หรือแท้จริงแล้วความหมายนั้นมันมีอยู่กับ”คนเพียงสองคนเท่านั้น”

คือ “คนที่ให้เสรีภาพ” และ “คนที่ใช้เสรีภาพ”

หรือแท้จริงแล้วเสรีภาพแอบซ่อนอยู่ในตัวเรา

แล้วทำไมเราไม่เคยเห็น ..หรือ..เป็นเพราะเรา”ไม่เคยใช้”???

ฉันปรารถนาที่ได้จะสัมผัสกับอิสรภาพ ที่แท้จริง

ฉันจึงยอมจะมีขอบเขตเพื่อรับผิดชอบต่อหัวใจ

ต่อแรงปรารถนา เพื่อ ต่อเขตเสรีภาพที่เราจะไปได้ถึง เสรีภาพ

ฉันไม่อาจฝันถึงสิ่งไกลๆ

ไม่แม้จะหวังในโอกาสที่จะติดปีกบินไปได้ดั่งนกที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า

เพราะข้างบนนั้นมันกว้างใหญ่เกินไปที่จะให้ฉันได้ใช้เสรีภาพ

และฉันคงเสียดายหากฉันใช้มันไม่หมดสักที
...
...
...
ฉันเพียงปรารถนาที่จะเรียนรู้ว่า ความมีอิสรภาพนั้นเกิดขึ้นอย่างไร

เพราะฉันหวังจะเป็นอิสระจากร่างแหทั้งหลายที่รัดรึงตัวของฉันเอาไว้

ฉันจึงหมั่นภาวนา ให้สิ่งที่ฉันคิด สิ่งที่ฉันพูด ได้ประกาศก้องออกไป

ให้ผู้คนทั่งโลก ได้รับรู้ได้ยินถึงเสียงของฉันที่ก้องอยู่ในหัวใจ

และสักวันหนึ่งเมื่อถึงวันนั้นฉันจะมีโอกาสได้แบ่งบัน

ความรักและความเจ็บปวดทั้งหลาย ที่อยู่ภายในหัวใจของฉัน

จะพังทลายปราการทั้งหลายอันเป็นอุปสรรค์ที่พรากให้เราห่างกัน

และที่สุดแห่งความสำคัญ

ฉันปรารถนาอยากให้คุณได้รับรู้ด้วยว่า การเป็นตัวของตัวเองนั้นมีค่าอย่างไร

และคุณจะได้เห็น และเข้าใจว่า คนทุกคน มีเสรีภาพเป็นของตัวเอง
....
....

หนึ่งความรักหนึ่งหัวใจหนึ่งสายเลือด กับหนึ่งชีวิตที่คุณมี คุณคงรู้แล้วนะว่าคุณควรจะต้องทำอย่างไรกับประเทศชาติและญาติพี่น้องที่เค้าร่วมใช้แผ่นดินผืนเดียวกับคุณ


....วัคซีน....






วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แมมโมรี่ที่ไม่มีใครรู้





มีคนมากมายอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร มีคนมากมายสงสัยในความเป็นฉัน มีคนมากมายตั้งคำถามและอยากรู้ในคำตอบแห่งความระแวงสงสัยนั้น

และก็มีคนมากมายอีกเช่นกันที่เค้าอยากรู้ว่าความจริงแล้วฉัน..คือ เทพหรืออสูร...

ตั้งแต่เกิดมาฉันก็ตั้งคำถามมาตลอดว่าฉันเกิดขึ้นมาจากความต้องการของใคร...เพราะจริงๆแล้วดูเหมือนไม่ค่อยมีใครต้องการสสารโครงสร้าง ชีวะวิทยาที่เรียกว่าตัวฉันด้วยซ้ำ

มีแต่คนผลักใสตัวฉันจนหลายต่อหลายครั้งฉันต้องระเห็จระเหแร่ร่อนไปอยู่ไกลๆ แต่น่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งรู้ไม๊ ที่ว่าทุกครั้งที่ฉันต้องจากจากที่ที่ฉันรู้จักและคุ้นเคยไปอยู่ไกลๆมันกลับทำให้ฉันมีส่วนผสมในชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่น

ฉันชอบไม๊ในความเปลี่ยนแปลงนั้น..ตอบ..ว่าบางครั้งก็ชอบ บางครั้งก็หนักใจ บางครั้งก็โดดเดี่ยว บางครั้งก็สร้างความวุ่นวาย และครั้งนี้ที่กำลังเป็นอยู่ ณ.ตอนนี้ส่วนผสมที่รวมเป็นตัวฉันมันสร้างเกราะกำบังให้ใครต่อใครมองไม่เห็นฉัน..มันทำให้ฉันเข้ากับคนอื่นไม่ได้..เรื่องนี้คงยังไม่เคยมีใครรู้..

ฉันไม่ใช่ทั้งเทพและอสูร..แต่..ฉันมีส่วนผสมของทั้งสองอย่างอยู่ในตัวฉัน..พ่อของฉันอาจเรียกได้ว่าเป็นพญาอสูรเก่งกาจมีอำนาจและพิษสงเหลือร้าย ดังนั้นแม้ฉันจะมีสายเลือดของเทพในตัวอยู่บ้างแต่สายเลือดแห่งความเป็นอสูรมันก็ยังฝังแน่นอยู่ในยีนส์ของฉัน และมันก็เข้มข้นพอที่จะเปลี่ยนแปลงให้ฉันกลายร่างเป็นอสูรเมื่อไหร่ก็ได้

อสูรคือเทพที่หน้าตาภาพลักษณ์ไม่สวยงามมีอำนาจฝ่ายชั่วควบคุมฝ่ายชั่วเทพคือเทวดาที่หน้าตาสวยงามซึ่งเป็นคู่ตรงข้ามของอสูร...เพราะฉะนั้นเมื่อมามองดูที่ตัวฉันมันเลยแสดงให้เห็นว่าฉันไม่ใช่ทั้งเทพและอสูร

ภาพของอสูรในตัวของพ่อฉันไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของผู้คน..แม้ฉันจะมีหน้าตาเป็นเทพถูกชุบเลียงในเมืองมนุษย์ก็ไม่เคยหยุดความคิดของคนได้ ฉันไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีสิทธิรังเกียจและผลักใสสายเลือดที่ฉันมี..ฉันจึงจำเป็นต้องอยู่ในร่างเทพอสูรต่อไป

ฉันเคยนึกน้อยใจในโชคชะตา นึกตัดพ้อต่อความใจแคบของคน นึกเสียใจต่ออะไรก็แล้วแต่ที่มีความหมายร้ายๆที่ฉันสามารถนึกไปถึงได้ว่ามันคือตัวฉัน..แต่เมื่อฉันได้เติบโตอยู่ในโลกที่บรรจุด้วยสิ่งมีชีวิตต่างๆ...ฉันจึงรู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังเจออยู่บางคนก็รูปร่างเหมือนมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์อสูร บางครั้งได้พบปะพูดคุยกับเทพจำเป็น เทวดาจำแลง ปีศาจคาบคัมภีร์ ผู้ดีในป่ามายา บนจักรวาลที่แวดล้อมไปด้วยผู้คนที่ต่างสะสาร ธรรมชาติที่ต่างหน้าที่และความเปลี่ยนแปรงที่ไม่เคยมีใครเดาความหมายได้

ฉันจึงได้ตระหนักรู้ว่าในโลกที่ฉันอยู่นี้เคลื่อนที่ด้วยความคิด เต็มไปด้วยการปฏิเสธหรือตอบรับอย่างมักง่ายมากไปด้วยความผิดพลาดที่ตัดสินด้วยความคิดพื้นฐานและอัดแน่นไปด้วยการคาดเดาจากตรรกะที่ไร้น้ำหนัก

ฉันจึงต้องเปลี่ยนแปรงความคิดตัวเองให้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ฉันได้เจอด้วยส่วนผสมแตกต่างที่ฉันมี ดึงในส่วนที่ดีและไม่ดีมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเพื่อฉันจะได้หลุดจากการครอบงำของอิทธิพลทางความคิดและกฎของกาลเวลา..แท้ที่สุดแล้วก็คือฉันกำลังปรับจากอสรพิษที่มีอยู่ในตัวฉันแปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเซรุ่มเพื่อรักษานั่นเอง

เนื่องด้วยเหตุผลที่ฉันไม่เคยนิยมชมชอบส่วนผสมที่เป็นอสูรในตัวฉัน..ฉันจึงใช้เวลาที่ว่างและเหลืออยู่ในชีวิตของฉันศึกษาเข้าไปในจิตของตัวเองเพื่ออยากหลุดพ้นจากความสงสัยต่างๆนาๆที่เคยมี และในอีกหนึ่งความประสงค์ก็เพื่อเข้าไปเสาะหาคำตอบที่อยู่เหนือคำว่าแก้ตัวเอาออกมาบอกกับผู้คนทั้งหลายให้เข้าใจในตัวฉันอย่างแท้จริงสักทีว่าแท้จริงแล้วตัวฉันคือใครเป็นยังไง..

แล้วฉันก็ได้ค้นพบว่าในตัวของฉันไม่ได้มีส่วนผสมใดๆอย่างที่ฉันเข้าใจในตอนแรก แต่แท้ที่จริงแล้วจิตวิญญาณของฉันต่างหากทีมันมีอยู่สองดวง คือ...จิตวิญญาณดวงที่เป็นมนุษย์และอีกดวงหนึ่งเป็นจิตวิญญาณของสัตว์ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ฉันเข้าใจในตอนนี้ว่ามันคือตัวฉัน ณ.ขณะนี้

ในสภาวะที่ไม่มีแรงกดดันจิตวิญญาณของสัตว์ในตัวฉันมันจะไม่มีฤทธิ์เดชและแสดงอำนาจอะไรออกมาแต่ถ้าหากเวลาใดที่ฉันถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวฉันก็จะกลายร่างเป็นสัตว์ในทันทีซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้ฉันรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมากในตอนนี้และก็ยังไม่เคยค้นพบวิถีทางแห่งการหลุดพ้นหรือวิธีการอันแท้จริงที่จะหยุดมันได้

จะพอมีบ้างมันก็ยังเป็นแค่เพียงทฤษฎีอันบางเบาที่คอยหล่อเลี้ยงความกลัวของฉันไม่ให้มันลุกลามเท่านั้นเองและทฤษฎีอันบางเบานี้เองที่มันเป็นมายาคติสร้างความงมงายให้ผู้คนที่ไม่รู้จักตนเองต้องวนเวียนอยู่ในวัฎมายา แห่งความคิดของตนอยู่ต่อไป



                                                                                          ...วัคซีน...
       


วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ยิ่งสูง ยิ่งหนาว




ทุกวันนี้ฉันพยามเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรให้ปลอดภัยไม่เจ็บปวด


ฉันรู้ว่าทุกอย่างมันยากที่จะไว้ใจได้ ไม่ใช่แต่ตัวฉันเท่านั้น แต่เป็นทุกๆคนรอบๆตัวฉัน

....

มันเป็นเพราะ..ฉันกลัวหรือ??

....


หรือเป็นเพราะใครไม่เคยเข้าใจตัวฉันเลย...หรือเปลา??

ฉันยอมสูญเสียทางของฉัน

ฉันต้องเลือกปิดตายประตูของโลกใบนั้นเอาไว้

เพราะ..อะไร??..

หรือคุณอยากรู้เพื่ออะไร??

แล้ว..คุณรู้ไม๊ว่าฉันตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรทั้งหมด

เพราะฉันไม่อยากให้มันทำลายทุกคนรอบๆตัวฉัน

และไม่ต้องการให้มันสร้างความเจ็บแค้นให้ฉันต้องไประบายกับใครๆ
....
....

คุณรู้ไม๊มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิดที่จะเข้าไปในโลกที่มันไม่เคยมีอะไรน่าอภิรมย์เลย

คุณรู้ไม๊ในโลกใบนั้นมันทำร้ายฉันทุกครั้งเมื่อมีใครสักคนหนึ่งอยากเห็นอยากเปิดออกดู


เมื่อมันเดินมาถึงจุดที่ฉันต้องเลือกไปฉันก็ต้องอดกลั้นมันไว้


ถึงวันนี้ฉันก็ยังไม่สามารถร้องไห้ได้

ทำไมฉันต้องหลบซ่อน

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอของฉันเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

เพราะอะไรคุณรู้ไม๊ ??

เพราะ...ฉันยังต้องต่อสู้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปไง..

ฉันยังต้องสู้กับการหลอกลวง จากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำปรอบใจ

ที่มันเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในชีวิตของฉัน

หลายครั้งฉันถอดใจ และบางครั้งก็อยากหายตัวไปไกลๆ

แต่..ทำไม่ได้

ไม่เป็นไรไม่มีใครผิดหรอก..ผิดที่ฉันเอง

ไม่เป็นไร

คุณมีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกคิดออกแบบให้ฉันเป็นอย่างไรก็ได้

เมื่อคุณเชื่อว่าความคิดนั้นถูกฉันก็จะเป็นคนผิดเอง

ฉันไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี และไม่น้อยใจที่ไม่มี

ฉันไม่มีสิทธิ์รังเกียจหรือปฏิเสธรากเหง่าของฉันตัวเอง

ฉันไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้ใครต้องดีหรือเลวไปมากกว่านี้

ฉันเป็นทุกอย่างที่คุณคิด

ฉันเลือกได้แค่นี้ที่ฉันเป็น เท่าที่คุณเห็นและเข้าใจ

ฉันคือคนผิดจริงๆฉันผิดมาตั้งแต่เกิดแล้ว

ไม่เป็นไรหรอกฉันรับได้..และก็เป็นฝ่ายต้องรับได้ไปมาตลอด

ฉันเข้าใจ..ไม่เป็นไรหรอก..ไม่เป็นไรจริงๆ

ขอโทษทุกคน..สำหรับสิ่งที่ฉันเป็น...


                                                  ...วัคซีน...

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Voice Within Live(จงเชื่อมั่นแล้วเดินตามเสียงหัวใจ)



ดิฉันเชื่อนะคะว่าใครๆหลายคนคงมีเพลงในดวงใจของตัวเอง เพลงที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของเราให้ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ได้บนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ และบางครั้งก็คงเป็นเพราะความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้มังคะ...ที่ทำให้เราเหงาและเดียวดาย

เพลงๆ นี้ ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ดิฉันเชื่อว่าคุณๆหลายคนคงจะเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ แต่ดิฉันไม่ทราบว่าเวลาที่คุณกำลังฟังเพลงนี้อยู่ไม่ว่าฟังอยู่ที่ไหน..เวลาใดพวกคุณจะมีความรู้สึกเดียวกับดิฉันบ้างหรือเปล่าคะ??

ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าทุกๆถ้อยคำที่อยู่ในบทเพลงนี้เหมือนเค้าจะบรรจงแต่งขึ้นมาเพื่อดิฉันคนเดียว

เหมือนเค้ากำลังพูดอยู่กับดิฉันเมื่อยามฉันเหงาเดียวดายเหลือเกิน

....
....

บนโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายแต่ละคนก็ล้วนต่างความคิดและจิตใจ
จะไปมัวคาดหวังให้คนทุกคนบนโลกใบนี้เข้าใจเราทั้งหมด...มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เห็นด้วยไม๊คะ
แต่มันจะดีแค่ไหนล่ะคะ..หากเรารู้สึกว่าบนความกว้างใหญ่นั้นเรามีคนบางคนที่เรารักและรักเรา...เข้าใจในสิ่งที่เราทำ..เข้าใจในสิ่งที่เราฝัน..รับรู้แม้กระทั่งเสียงที่เบาที่สุดของลมหายใจแห่งความท้อแท้

...เพียงแค่นั้น...

มันก็น่าจะมากมายและเพียงพอกับการสร้างกำลังใจที่จะลุกขึ้นเดินต่อไปได้แล้วจริงไม๊คะ
รู้ไม๊คะ..ว่าเพลงบางเพลงแม้มันจะเป็นท่วงทำนองเดียวกัน..แต่ความรู้สึกของคนฟังนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน..ลองฟังดูนะคะบางทีดิฉันอาจเพ่งรู้ก็ได้ว่าดิฉัน อาจมีเพื่อนที่ร่วมความรู้สึกเดียวกันกับดิฉันอยู่..

"ก่อนฟังหลับตานะคะแล้วเราจะพบกัน เพราะดิฉันใส่ความรักและความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจของตัวฉันเองลงไปในเพลงๆนี้แล้ว..อิอิ..ขอให้มีความสุขกับบทเพลงค่ะ"..

.....
.....

Young girl, don't cry
สาวน้อยอย่าร้องไห้ไปเลยนะ

I'll be right here when your world starts to fall
ฉันจะอยู่ตรงนี้เมื่อเธอเริ่มรู้สึกเธอท้อแท้

Young girl, it's all right
สาวน้อยทุกย่างมันจะต้องดีขึ้น

Your tears will dry, you'll soon be free to fly
 น้ำตาเธอจะเหือดแห้งไป ในอีกไม่นานเธอจะรู้สึกสบาย

When you're safe inside your room you tend to dream
เมื่อยามที่เธอเก็บตัวอยู่ในห้องของเธอ เธอยังคงฝังตัวอยู่กับความฝัน

Of a place where nothing's harder than it seems
แห่งดินแดนที่มีแต่ความสงบนั้น

No one ever wants or bothers to explain
ไม่มีแม้ใครสักคนที่ต้องการหรือวุ่นวายที่จะอธิบาย

Of the heartache life can bring and what it means
ถึงชีวิตที่ปวดร้าวและความหมายของมัน

When there's no one else
เวลาที่ไม่มีใครสักคน

Look inside yourself
ให้เหลียวกลับมามองดูที่ตัวเธอเอง

Like your oldest friend
เค้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

Just trust the voice within
จงเชื่อและศรัทธาเสียงข้างในตัวเธอ

Then you'll find the strength
แล้วเธอจะค้นพบแสงแห่งพลัง

That will guide your way
แล้วสิ่งนั้นจะช่วยนำทางให้เธอ

If you will learn to begin To trust the voice within
หากเธอจะเรียนรู้จงเริ่มต้นศรัทธาและเชื่อเสียงข้างในของเธอ
.....

Young girl, don't hide
สาวน้อย อย่าหลบซ่อนตัวอยู่อีกเลย

You'll never change if you just run away
เธอจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ถ้าเธอยังคงวิ่งหนีอยู่

Young girl, just hold tight
สาวน้อยเธอจงมั่นคงเข้าไว้

And soon you're gonna see your brighter day
แล้วในอีกไม่นานเธอจะต้องพบกับวันที่สว่างสดใส

Now in a world where innocence is quickly claimed
และวันนี้ในโลกที่เด็กน้อยไร้เดียวสาใฝ่ฝันถึง

It's so hard to stand your ground when you're so afraid
มันยากนะที่เธอจะยืนหยัดอยู่ได้ทั้งที่เธอยังกลัวเหลือเกิน

No one reaches out a hand for you to hold
ไม่มีใครเขาจะยื่นมือออกมาให้เธอจับหรอกนะ

When you're lost outside look inside to your soul
ดังนั้นเมื่อเธอหลงทางสับสนขอให้มองเข้าไปในหัวใจเธอ
....
....

Life is a journey
ชีวิตคือการเดินทาง

It can take you anywhere you choose to go
มันจะนำพาเธอไปในทุกที่ที่เธอเลือกไป

As long as you're learning
ตราบนานเท่านานที่เธอยังคงเรียนรู้

You'll find all you'll ever need to know
เธอจะค้นพบกับทุกสิ่งที่เธอต้องการรู้

You'll make it You'll make it
(เข้มแข็งไว้)เธอจะเอาชนะได้(เชื่อมั่นไว้)เธอจะต้องทำได้

Just don't go forsaking yourself No one can stop you
แค่อย่าละทิ้งมันไปไม่มีใครจะสามารถบอกว่าเธอไม่สามารถทำได้ไม่มีใครมาหยุดเธอได้

.....

You know that I'm talking to you
"เธอรู้ใช่ไหมฉันกำลังพูดกับเธอนะ"


.....
.....


                                                                                      ...วัคซีน....






วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

~ฉันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไร~



เคยเป็นไม๊ที่บางครั้งก็อยากจะทำอะไรออกไปอย่างไม่มีเหตุผล

เคยเป็นไม๊ที่บางครั้งเหตุผลดีๆตั้งมากมายมันก็ฟังไม่เข้าใจ

เคยเป็นไม๊ที่ภายในใจมันอัดแน่นด้วยเหตุผลต่างๆนาแต่มันก็สังเคราะห์ออกมาไม่ได้

เคยเป็นไม๊ที่อยากระบายสิ่งที่มันอัดแน่นอยู่ข้างใน

แต่ไม่รู้ว่าจะเรียงออกมายังไง..ก็มันแน่นจริงๆจะให้ฉันทำยังไง..

ก็จึงต้องระบายได้แค่ไหนก็รับไปแค่นั้น..นะคะ อิอิอิ..ก็แค่จะระบายมันออกไป..แค่นั้นจริงๆ

........

ฉันนั่งจ้องมองความคิดของตัวเองทุกวัน

สิ่งที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน..ก็คือ..ความเหงาและเงาแห่งความล้มเหลว

ทุกๆค่ำคืนและในทุกๆวัน

ได้ยินแต่เสียงที่คอยเตือนฉันว่า “เธอควรจะตื่นจากฝันร้ายได้แล้ว”

ได้ยินไม๊ “เสียงข้างในจิตใจฉันบอก”

เค้าคอยสั่งการฉันเรื่อยมา..เมื่อเวลาฉันชอบตาค้าง

เค้าบอกฉันว่า..ให้ภาวนา..หลับตาๆๆ..

แล้วพาตัวเองเข้าไปนอน

ทุกโสตประสาทรับคำสั่งเสียงสุดท้ายก่อนเข้านอน

..ว่า..

“พรุ่งนี้เธออาจเจอสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในเช้าวันใหม่นะ”

แล้วฉันควรจะเชื่อหรือเปล่าล่ะ

ย้อนถามกับตัวเองทุกที


.....
.....


ใช่นะ..ฉันเป็นคนที่เชื่อมั่น แต่ไม่ค่อยจะมั่นใจ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

บางครั้งฉันก็เกิดมีความคิด

แต่..บางครั้งฉันก็เกิดคิดไปว่า

ตัวของฉันมีพลังงานแห่งความล้มเหลวส่องสุมอยู่ภายใน

ก็ยังไม่รู้อีกเหมือนกันว่า..คิดอย่างนั้นทำไม...ไม่รู้...ไม่รุ้จริงๆ

มีคนชอบบอก..และ...ฉันก็ชอบไปได้ยินมา

..ว่า..

“อย่าคิดลบ”..ฉันก็อยากจะบอกเค้าคนนั้น

“คนนั้น”ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนไหน..หน้าตายังไง

..ก็เลยยังไม่ได้บอก เพราะหาเค้ายังไม่เจอ

ฉันรู้ตัวอีกแล้วๆๆ..คุณก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันใช่ไม๊??

“ฉันไม่ได้บ้า... ฉันแค่ไม่ค่อยปกติ”

ฉันรู้ตอนนี้คุณคงนึกขำในตัวฉัน

ขำเถอะนะเพราะฉันก็ฟังเค้ามา

...ว่า...

ขำแล้วชีวิตและจิตใจจะดี

ฉันไม่รู้!!..ฉันก็แค่ฟังเค้ามาอีกแล้วเหมือนกัน

เค้าๆๆๆ..เค้านี่จบมาจากไหน เค้านี่เป็นใคร เค้านี่ทำไมรอบรู้จัง

เค้าที่บอก เค้าที่สั่ง เค้าที่คอยมีอิทธิพลต่างๆนาๆ



แล้วเราล่ะเป็นใคร..ฉันไม่รู้อีกแล้ว...รู้แต่ว่า

ตั้งแต่เกิดมาก็ต้องรู้จากเค้า ฟังจากเค้า

...ตลอดเลย..

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

ถามเค้าอีกได้ไม๊นะ??

...ฉันพยายามนะ...

อยากตามหาเค้า เพื่อจะบอกเค้า เพื่ออยากให้เค้าเชื่อในเรา

ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ก็แค่อยากเก่งอย่างเค้าบ้าง

สุดท้ายทำไมไม่มีใครเชื่อเรา

หลายคน...เชื่อแต่เค้า

.....

แต่สักวันรออีกนิดแล้วคุณจะเห็น

ด้านที่แตกต่างของฉัน

แล้วฉันจะทำให้เค้าตะลึง..555(ไม่ได้เพ้อ)

ฉันไม่ได้บ้า แค่เพี้ยนนิดหน่อย

ใครจะสนใจคนบ้า

แต่ระวังนะอีกหน่อยคุณจะคิดถึงฉัน

คุณจะงงงันในสิ่งที่ฉันเป็น..เคยเป็น..และจะเป็น

อย่ากระซิบกัน อย่านินทาฉัน..คุณคงไม่รู้ใช่ไม๊

..ว่าฉันได้ยิน..

555....ฉันไม่ได้บ้าคุณเชื่อไม๊

ถ้าไม่แน่ใจถามเค้าสิ

จริงๆนะฉันก็ไม่ได้พูดอยู่ในความฝันฉันมีสติ..

แต่สติๆมันคงไม่ค่อยจะดี.ณ.ตอนนี้

และที่ฉันเพ้อออกไปขนาดนี้ไม่ใช่ความผิดฉัน

มันเป็นเพราะสติ..อย่าโทษฉันมันเป็นเพราะสติ

ฉันไม่ผิด ผิดที่สติที่ลืมฉัน..และฉันก็ลืมสติ

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม..คุณรู้ไม๊ เค้ารู้ไม๊..หรือใครรู้ช่วยบอกฉันที

“เพราะฉันคนนี้คือคนที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไร”



                                              ....วัคซีน....



วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

What I've Done(ลบสิ่งที่คุณเป็นให้หายไป)



บางเหตุการณ์..บางความรู้สึก..กับบางอย่างที่ต้องการจะสื่อ..
บางครั้งถ้อยคำที่สวยหรูตั้งมากมาย..ก็อาจแทนความหมายได้ไม่หมดทั้งหัวใจ..

สงคราม ความล้มเหลวของสังคม การแบ่งแยกทางศาสนา การเป็นศัตรูกันของมนุษย์กับมนุษย์ ความทารุณโหดร้าย....ประเทศที่กำลังจะล่มสลายทั้งๆที่น่าจะเจริญเติบโตอย่างเต็มที่..คุณเคยรู้สึกและมองเห็นกันบ้างหรือเปล่าประเทศของคุณกำลังเป็นอยู่อย่างนี้ไหม
....
 "ศิลธรรมและจริยธรรมกำลังจะแตกสลาย ทุกอย่างล้วนมองเห็นได้จากมิวสิคนี้"..


In this farewell,


ในการร่ำลาครั้งนี้

There's no blood,there's no alibi.

จะไม่มีการนองเลือด ไม่มีข้ออ้างใดๆ

Cause I've drawn regret,

เพราะฉันจมอยู่กับความเสียใจ

from the truth,of a thousand lies.

จากความจริง ของคำโกหกนับพัน

So let mercy come, and wash away...

จึงขอให้ความเมตตาเข้ามา ลบล้างมันออกไปให้หมดสิ้น
What I've done,

สิ่งที่ฉันได้ทำอะไรลงไป

I'll face myself,

ฉันจะเผชิญหน้ากับตัวเอง

To cross out what I've become,

เพื่อก้าวข้ามในสิ่งที่ฉันเป็น

Erase myself,

ลบตัวตนของฉันออกไป

And let go of What I've done.

และปลดปล่อยสิ่งที่ฉันได้ทำลงไปให้หายไป

Put to rest,

ฝังมันไว้ (ลืมมันไป)

what you thought of me.

สิ่งต่างๆที่เธอคิดเรื่องของฉัน

Well I clean this slate,

ฉันเป็นคนลบล้างความผิดเหล่านั้นไป

with the hands of uncertainty

ด้วยสองมือที่ไม่มั่นคงนี้

So let mercy come,

ขอให้ความเมตตาจงมา

and wash away...

ลบล้างมันออกไป

For what I've done,

สำหรับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป

I start again.

ฉันขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

And whatever pain may come,

ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดเช่นไร

Today this ends,

วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย

I'm forgiving...

ฉันให้อภัย

What I've done,

ในสิ่งที่ฉันทำไป

I'll face myself,

ฉันจะเผชิญหน้ากับตัวเอง

To cross out What I've become,

เพื่อก้าวข้ามตัวตนที่ฉันเป็น

Erase myself, And let go of

ลบตัวตนของตัวเองออก และปลดปล่อย

What I've done.

สิ่งที่ฉันได้ทำลงไป ให้หายไป

 ความเศร้าจะยังไม่เหือดหาย ความซวยจะยังดำเนินต่อไป ความกลัวยังคงหนักหน่วงทับถม
..หากคุณยังไม่มีการให้อภัยและลบตัวตนปลดปล่อยตัวของตัวเองออกไป..

                                                                              ...วัคซีน..

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

~พระเจ้าในตัวคุณ~



เพราะบนเส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่นี้มันยากขึ้นทุกวินาทีทีที่จะหายใจ

บางเวลาที่ที่เราคุ้นเคยก็ยังไม่ปลอดภัย

จนทำให้หัวใจเรารู้สึกอ่อนล้า

....

....

เราไม่มีผู้กล้าคนใดมาฉุดมือเราลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้า

นำพาเราทั้งหลายให้ฟันฝ่ามรสุมลูกนี้ไป

...

ใครคนนั้นที่เราหวังว่าจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนไทย...เรายังไม่มี

เรามีแค่เพียงคนที่เข้ามาเพื่อการเริ่มต้นใหม่และก็จากลาเราไปแค่นั้น..แค่นั้นจริงๆ

....

เเสงอาทิตย์ดวงใหม่ที่แกร่งกล้าและพร้อมจะสาดส่องลงไปเรามองเห็นได้...แค่ฝัน

วันฟ้าใหม่วันนั้นเราไม่เคยมี เราทำได้แค่รอต่อไปเท่านั้น มันยังไม่เคยเป็นความจริง


วันนี้เราเจ็บปวด เราสูญเสีย เราหวาดกลัว เราหมดหวัง เราไม่เหลือผู้กล้าให้เชื่อ

ให้เราฝากความหวังอีกต่อไป

.....

วันนี้หากตอนนี้หัวใจฉันสามารถแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของหัวใจที่โหดร้ายดวงนั้นได้

ฉันก็จะทำลงไป


หากคำพูดใดที่จะสามารถหยั่งลึกลงไปในหัวใจที่เลือดเย็น สับสน อยากเอาชนะดวงนั้นได้

ฉันก็จะไม่นิ่งดูดาย

เพราะฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกที่มีแต่ความรุนแรง ฉันไม่อยากหายในเข้าเอาความเกลียด ความกลัว ความอิจฉาริษยาและความอยากเข่นฆ่าเพื่ออยากเอาชนะเข้าไปในทุกเช้าที่ฉันตื่นขึ้นมา..แล้วหลับตาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวมืดมน

.....

แล้วพวกคุณที่กำลังยืนอยู่ อาศัยอยู่ นั่งอยู่ คิดอยู่ รู้สึกอยู่ หรือแม้แต่ที่กำลังได้อ่านอยู่ คุณคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ กับประเทศของคุณ กับพระเจ้าอยู่หัวของคุณ กับศักดิ์ศรีของคุณ กับเกียรติยศแห่งมาตุภูมิของคุณ..อย่างไร???
...

หากคุณคิดว่าชีวิตต้องดำเนินไป จงยืนขึ้นและหลับตา และภาวนาให้สิ่งที่เหนือกว่าไม่ว่าคุณจะเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร

โปรดช่วยกันอฐิษฐานให้เค้าได้ให้โอกาสกับหัวใจ

เปิดกำแพงที่ปิดกั้นระหว่างเราไว้

เปิดความสับสนหวั่นไหวทั้งที่ตรงหน้าและที่อยู่ห่างไกลแสนไกล

และจงเชื่อว่าเราจะทำได้อย่างนั้นจริงๆ

บนความมืดมนยุ่งเหยิงวุ่นวายหัวใจ

ก็คงจะมีแต่เส้นทางสายแห่งความรักเท่านั้น ที่จะนำพาเราให้ผ่านพ้นกันไปได้

แม้ในความเป็นจริงเรายังไม่เคยจะมองเห็นเส้นทางสายนั้นกันเลยก็ตาม

แต่มันก็คือความจำเป็นที่เราจะต้องทำ

...

จงเชื่อในพระเจ้าว่าเค้าอยู่ตรงนั้น เค้าอยู่ในตัวเราเค้าอยู่ในตัวคุณ

จงเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยคุณ จงเชื่อว่าคุณจะทำได้พระเจ้าในตัวคุณจะช่วยเรา


“เมื่อพระเจ้าทุกพระองค์เกิดขึ้นด้วยคำพยากรณ์เมื่อความหมายของคำพยากรณ์คือความฝันและจินตนาการที่กลายเป็นจริง"

...ก็จงเชื่อว่าคำอธิฐานและจินตนาการของเราจะเป็นไปได้ เพราะพระเจ้าอยู่ในตัวเราทุกคน “เค้าคือจินตนาการของเรา”เราจงช่วยกันทำให้จินตนาการนั้นกลายความเป็นจริง แล้วเราจะเจอกับสิ่งที่เหนือกว่าจริงๆ

.....

วันนี้ไม่มีพระเจ้าพระองค์ใดจะเดินออกมาช่วยเรานอกจากพระเจ้าในตัวเราจะช่วยตัวเราเอง...วัคซีน...





วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความซ้ำๆซากๆคือความจริงที่สุด




ฉันเป็นคนหนึ่งที่ลังเลในความเชื่อที่ว่าพรหมลิขิตคือสิ่งที่มีอยู่จริงๆ...ฉันเพียงทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น.. แต่กับประวัติศาสตร์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แตกต่างออกไปกับความเชื่อเรื่องความบังเอิญและพรหมลิขิต...

ฉันพยายามตั้งคำถามมาตลอดว่าสิ่งที่เป็นรอยบาป รอยเจ็บปวด สิ่งที่เคยเป็นรอยบทเรียน ทำไมเราถึงแก้มันไม่ได้ เราผ่านมันมาแล้ว  เราเคยประสบกันนมาแล้ว แล้วทำไมเราถึงต้องย้อนกลับไปหามันอีกครั้ง....

เราช่วยกันเปลี่ยนมันไม่ได้หรือ..ต่อไปเรายังจะต้องเจอกับมันอีกไหม..ทำไมเราถึงยอมจำนนให้ความเจ็บปวดในเรื่องเก่าๆบังเอิญกลับมาหาเราอยู่ร่ำไป...ทำไม??คุณตอบได้ไหม..แล้วต่อไปคุณบอกกับตัวเองได้ไหมว่าคุณจะเป็นคนเปลี่ยนและเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ที่มันจะไม่ซ้ำกันกับเรื่องราวในวันเก่าๆอีกต่อไป..สัญญากับตัวเองได้ไหมว่าเราจะช่วยกันทำ..และเราจะร่วมกันเชื่อในความฝันนั้นว่าเราจะต้องทำได้...เราจะไม่ทำให้เหตุการณ์ในวันนั้นมันมาซ้ำกับวันใดๆในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเราอีกต่อไป


..และดิฉันก็หวังว่าดิฉันจะไม่ต้องเอาประวัติศาสตร์ที่เคยเขียนไว้มาย้อนดูและโพสใหม่อีกครั้ง...ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวที่ฉันจะโพสมันเพื่อเตือนความทรงจำว่าที่ผ่านมาเราเจออะไรและต่อไปหวังว่าเราจะไม่เจอและไม่ลืมว่าเราเคยเจอและเจ็บปวดกับมันมาแล้วอย่างไร...

.........

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552


คนไทยด้วยกัน ทำไมทำกันอย่างนี้


วันนี้พระเจ้าเสียสติ พระอาทิตย์สิ้นแรง ดวงดาวไม่อาจส่งแสง ผู้หลักผู้ใหญ่ทำอะไรไม่ได้กฎหมายค้ำคอ นายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพบุรุษจนกว่าชีวิตจะหาไม่ รัฐมนตรีนั่งสาดแต่น้ำลาย ประชาชนวุ่นวายกฎหมายเป็นหมันไม่อยากจะเชื่อว่าประเทศไทยจะถอยหลังได้ถึงขนาดนี้ทั้งที่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคของโลกโลกาภิวัตน์โลกของข้อมูลข่าวสารแต่ทำไมความสมัยใหม่มันไม่ได้ทำให้คนไทยเปลี่ยนความคิดเป็นคนสมัยใหม่ได้บ้างทำไมยังถูกครอบงำจากความบ้าป่าเถื่อนยังทำตัวเหมือนคนยุคหิน ความคิดเหตุผลในสมองหายไปไหนหมด คำที่เคยพร่ำบอกว่ารักเมืองไทยวันนี้ลืมกันไปหมดแล้วหรือไง



สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้หัวใจคนไทยหลายคนแทบสลาย ทุกอย่างในสมองว่างเปล่าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสายตา...ภาพคนในเมืองไทยทุบหม้อข้าวของตัวเอง ภาพที่เห็นไม่อาจมีคำใดๆมาอธิบายเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ ทุกอย่างมันว่างเปล่าภาพทุกภาพที่เคยมีมายาวนาน.... บัดนี้ว่าง หัวใจทุกดวงเลือนรางมันว่างเปล่าไม่อาจทดแทน...


 ใครบอกได้บ้างว่าบ้านเมืองเราตอนนี้ทุกคนเป็นอะไร ผู้หลักผู้ใหญ่ทำอะไรกันอยู่ แล้วคนไทยกลุ่มนั้นเค้ารู้ไหมว่าเขาได้ทำอะไรลงไป แล้วที่พวกคุณพากันโห่ร้องคุณสนุกกันมากใช่ไหม เห็นความพินาศของประเทศไทยคือความภูมิใจอย่างยิ่งของพวกคุณงั้นหรือ ภารกิจอันยิ่งที่พวกคุณร่วมกันทำมันคือการทำความพินาศให้ประเทศไทยแล้วตอนนี้คุณทำสำเร็จแล้ว พวกคุณพากันร่วมฉลองในความสำเร็จที่เห็นเมืองไทยพินาศวอดวาย โถ!!นี่หรือคนไทย นี่หรือสยามเมืองยิ้ม


วันนี้พายุพัดบ้านที่โอนเอนไม่แข็งแรงของเราจนเกือบพังกำแพงบ้านของเราก็ไม่อาจป้องกันอะไรให้เราได้ มันเป็นเพราะอะไร ?? ผู้คนมากมายที่เขากำลังทำร้ายเมืองไทยที่เขากำลังอยู่ในเส้นทางที่ผิดมีใครจะนำพวกเขากลับมาได้บ้าง ใครก็ได้ซักคนที่เข้าใจว่าตอนนี้เรากำลังเผชิญอยู่กับอะไรช่วยเข้ามาช่วยประเทศไทยหน่อยได้ไหมหรือว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆจนกว่าเราจะสิ้นประเทศไทย..

 วินาทีนี้หัวใจหลายดวงของคนไทยเจ็บปวดแทบสลาย.. ทุกๆความฝันพังทลาย....พวกผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายภาพที่พวกคุณมองเห็นวันนี้...ขอถามหน่อยว่าพวกคุณรู้สึกกันยังไงทุกๆรอยช้ำแห่งความผิดหวัง ความรู้สึกเจ็บปวดของหัวใจทุกดวงหรือแม้แต่หัวใจของคุณก็ยังร่ำร้องว่ามันไม่ยุติธรรมแล้ววันนี้วินาทีนี้มันจะทำให้พวกคุณตัดสินใจกันได้หรือยังว่าควรต้องทำอะไร


ทุกคนบอกว่ารักประเทศไทยบอกว่ารักความเสรี แต่สิ่งที่ทุกคนแสดงให้เห็นมันกลับเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเราทุกคนอาจหลอกโลกกลมๆใบนี้ได้ แต่ไม่อาจหลอกลวงหัวใจตัวเองได้การกระทำวันนี้มันฟ้องทุกอย่าง ภาพของวันนี้มันเป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าคนไทยรักประเทศของตัวเองรูปแบบไหน และเมื่อมาถึงวินาทีนี้เมื่อความพินาศบังเกิดเราคนไทยทุกคนกำลังนับเวลาถึงการเริ่มต้นครั้งใหม่อีกแล้ว และมันจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหม??


จะมีบ้างไหมรัฐบาลที่เป็นความหวัง เป็นความฝัน เป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนที่รักษาสัจจะ เข้าใจเหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ต่อไปและความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

 ฉันเข้าใจว่าไม่มีใครสามารถเป็นคนที่ดีพร้อมได้แต่พวกคุณก็ต้องเข้าใจว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณพูดได้นอกจากคุณจะเป็นคนกระทำให้สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง หยุดสร้างภาพหยุดหลอกลวงหยุดมอมเมา ประเทศไทยไม่มีเวลาให้คุณเล่นเกมกันแล้ว.. พวกคุณยังจะให้คนไทยต้องรอและยังต้องนับหนึ่งกันอีกนานเท่าไร หรือว่าจะรอให้ถึงเวลาที่ดาวตกทุกดวง...อยากจะน้ำตาร่วงกันอีกครั้ง...อย่างนั้นหรือ??

เขียนโดย วัคซีน ที่ 7:22 0 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
 
เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้แต่เราสร้างอนาคตให้ไม่ซ้ำรอยเดิมกับอดีตได้ไหม??....วัคซีน...

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

for give not for get



มีคำพูดที่เป็นอมตะวาจาอยู่คำหนึ่งว่า "ถ้าอยากรู้อนาคตล้วงหน้าต้องหันกลับไปมองอดีต เพราะอดีตที่เป็นประวัติศาสตร์มักจะหมุนย้อนกลับมาจุดเดิมเสมอ"

.....

  วันนี้จะมีใครเคยย้อนกลับไปดูอดีตอย่างจริงกันบ้างไหมคะ ??

      เพราะเรามักไม่ใส่ใจกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว...เพราะเรามักถูกอบรมสั้งสอนว่าอย่าแคร์ในอดีตให้ลืมมันไปแล้วเริ่มต้นใหม่..  แต่ทำไมชีวิตเราถึงยังต้องวนเวียนย้อนกลับไปในเหตุการเก่าๆอยู่เรื่อยๆเสมอๆ...
เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่าทำไม??..เป็นเพราะเราลืมมันอย่างนั้นหรือ??...ใช่หรือเปล่า??...

   คงไม่มีใครเชื่อในคำพูดของเงา  น้อยคนนักจะตกใจกลัวในเสียงของเงาคำราม...แต่เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราวันนี้ทำให้ดิฉันคิดได้ค่ะว่า..สิ่งสำคัญที่เป็นเครื่องยืนยันในการมีชีวิตอยู่ของเราคือเงา..

...ดิฉันเคยเขียนบทความนี้เมื่อตอนบ้านเมืองเราเกิดปัญหาเมื่อปีที่แล้วและวันนี้ดิฉันก็เชื่อว่าเหตุการณ์จากปีที่แล้วกับปีนี้มันก็ยังไม่เปลี่ยนไป..เราทุกคนยังยืนกันอยู่บนความรู้สึกเดิมๆ...

.....
.....


วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552


นี่หรือนักการเมืองไทย

เมื่อภาพรอบๆ ตัวเรา ทำให้เราต้องหมดหวัง และสิ่งต่างๆ ที่ล้อมรอบตัวเรา คือความลับและคำโกหก สังคมไม่สามารถให้คำตอบแก่เราได้ว่ามันเกิดอะไร ทุกคนต้องการอะไร ความหวังความยุติธรรม และศรัทธาที่เคยมีมายาวนานจากนี้ไม่เหลือสิ่งใดให้เชื่ออีกต่อไป อนาคตของคนไทยต้องแขวนอยู่กับอะไรและจะหวังพึ่งสิ่งใดได้บ้างในสังคมนี้



ประเทศไทยในตอนนี้ ผู้คนมากมายต่างสวมหน้ากากเข้าหากันภาพสะท้อนที่เห็นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ทุกคนแค่แสดงไปตามบทบาทและหน้าที่ และพร้อมจะโยนบาปปัดภาระความรับผิดชอบให้กับคนอื่นตลอดเวลาเมื่อหมดหน้าที่ของตัวเอง และสุดท้ายคนที่ซวยอย่างแท้จริงโดยไม่มีสิทธิแม้แต่จะหาทางหนีและหาทางหลบต้องโดนผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือประชาชนทั้งหลายที่มีหน้าทีเสียภาษีให้กับพวกมีสีทั้งหลายที่ชอบทำตัวนิสัยไม่ดี

ทำไมคนเราต้องเก็บกดความคิดและความรู้สึกของตนเองทั้งที่ภายในใจเรารับรู้และเรียกร้องบอกกับตัวเองมาโดยตลอดว่ามันไม่ยุติธรรมแต่ทำไมเราต้องยอม


มันจะมีประโยชน์อะไรที่วันนี้เราต่างเชิญคนโน้นคนนี้มาพูดๆๆๆว่าปัญหานี้มันเป็นอย่างนี้และพรุ่งนี้สงสัยว่ามันต้องเป็นไปตาม สถานการณ์อย่างนี้หรือไม่ก็อาจคาดได้ว่ามันอาจจะหนักยิ่งกว่านี้ และแล้วเมื่อพรุ่งนี้มาถึงก็เป็นเหมือนเดิมทุกอย่างจบรายการจบแต่ปัญหายังอยู่ เมื่อแขกรับเชิญทั้งหลายหมดภาระหน้าที่พูดรายการนี้ในวันนี้ต่อไปก็ส่งต่อภาระหน้าที่พูดให้กับอีกคนความวุ่นวายสับสนไม่เคยหายไป กระแสการต่อต้านกันเอง...กระแสจากสิ่งแวดล้อมที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้าใส่ ทุกคนต่างเดาออกว่าเมื่อหมดเรื่องนี้เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่เข้ามา เป็นอย่างนี้อยู่ทุกครั้งและเป็นอย่างนี้อยู่เป็นเวลาอันยาวนานมาพอสมควรแล้ว ต่างคนต่างไม่ยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน กฎหมายเมื่อไม่ถูกใจฉัน ฉันก็ต้องการแก้ใหม่แก้เท่าไหร่ก็ยังไม่ถูกใจฉันของอีกคนแล้วก็ออกมาเรียกร้องว่ามันไม่ประชาธิปไตย



ขอถามหน่อยได้ไหมท่านผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย ว่าตอนนี้คุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่ พวกท่านทั้งหลายอาจหลอกโลกกลมๆใบนี้หลอกประชาชนบนพื้นแผ่นดินนี้ได้บางคน แต่ไม่อาจหลอกลวงหัวใจของตัวเองได้สิ่งที่เป็นหายนะของเมืองไทยตอนนี้ล้วนมาจากฝีมือของพวกคุณทั้งสิ้น ทุกวันนี้กลางคืนพวกคุณนอนหลับสบายดีฝันดีกันบ้างไหม ที่เห็นคนไทยทะเลาะกัน ก่อนนอนคุณกราบหมอนแล้วอธิษฐานอะไรให้กับตัวเองหรือให้คนบนผืนแผ่นดินไทยนี้บ้างไหม ผู้คนทั้งหลายที่พวกคุณบอกกับเขามาตลอดว่าคุณคือคนของเขา คุณจะทำงานเพื่อเขาแล้วตอนนี้คุณเคยย้อนกลับไปถามตัวคุณเองบ้างไหมว่าสิ่งที่คุณได้พูดออกมาคุณเคยเข้าใจคำพูดของตัวคุณเองบ้างหรือเปล่า



มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาบอกให้ประชาชนมองย้อนกลับไปให้เห็นความผิดของคนอื่น แล้วมาแก้ตัวกับประชาชนว่าสิ่งที่เรากำลังประสบกันอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่คนอื่นทำทิ้งเอาไว้ ทำให้ประชาชนสงสัย ว่าคนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี พยายามมาบอกให้เข้าใจว่าหากมีกฎหมายนี้อีกต่อไปมันจะทำให้พวกคุณทำงานกันไม่ได้ หรือว่าต่อไปมันอาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างหากปล่อยให้กฎหมายที่ใช้กันอยู่นี้มีผลบังคับใช้ต่อไป เพราะฉะนั้นพวกคุณจึงต้องออกมาบอกว่ามันต้องแก้ใหม่ หรือทำให้ประชาชนอย่างเราเข้าใจว่ากฎหมายที่คุณจะทำขึ้นมาใหม่มันจะทำให้ใครต่อใครปรองดองกัน กฎหมายมีไว้แค่จัดระเบียบสังคมไม่ได้มีผลบังคับใช้ให้จิตใจของคนดีขึ้นมา หากกฎหมายบังคับจิตใจคนได้จริงประเทศไทยคงไม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเหมือนเช่นทุกวันนี้ คนที่ยกพวกตีกันคงหยุดกันไปนานแล้ว



เพราะฉะนั้นในวันนี้ จึงอยากจะขอบอกอะไรบางอย่างอยากจะให้พวกคุณได้ตาสว่างไว้ ณ.ที่ตรงนี้เลยนะคะว่าพวกคุณคงจะประเมินคนบนพื้นแผ่นดินไทยแห่งนี้ต่ำเกินไป และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกคุณไม่เคยรู้ตัวของตัวเองเลยสักนิดว่าประชาชนตอนนี้เขาเบื่อ เอือมระอา รันทด สลด สังเวช สมเพศ เวทนาพวกคุณกันเสียเหลือเกินพวกเราทั้งหลายบนผืนแผ่นดินไทยสุดจะทนต่อการกระทำของพวกคุณ อยากจะอ้วกออกมาวันละ3รอบต่อวันอยู่แล้วที่ต้องทนเห็นหน้าของพวกคุณด่ากันไปด่ากันมาในทีวี รู้ไหมหากตอนนี้ประชาชนเลือกได้จริงๆ เราทุกคนอยากผลักดันให้เกิดกฎหมายที่ว่าด้วยการสิ้นสุดกันเสียทีให้มีผลบังคับใช้สำหรับพวกนักการเมืองที่ชอบสาดน้ำลาย ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระทะเลาะกันเป็น10ชาติแล้วก็ไม่รู้จักจบสิ้นกันเสียที เบื่อๆๆๆพวกนักการเมืองเน่าๆๆ

จากเจ้าหญิงวัคซีน รัฐมนตรีกระทรวงความฝัน

เขียนโดย วัคซีน ที่ 3:18 0 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้


ความต้องการของคนเหมือนกับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ จะมีใครรู้บ้างว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหน เส้นปลายทางของขอบฟ้าอยู่ที่แห่งหนตำบลใด จะมีใครที่ไหนเคยไปถึงตรงนั้นบ้าง   เหมือนกับชีวิตและจิตใจของผู้คน คนทุกคนรับรู้ว่าตัวเองมีตัวตนแต่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในใจของตนจะสิ้นสุดความอยากความต้องการเมื่อใด ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าวันสุดท้ายของชีวิตจะมาวันไหน และวันนั้นตัวเองกำลังทำอะไรอยู่...

 เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลืออยู่จงใช้มันอย่างมีคุณค่า อย่าเอาชีวิตไปล้อเล่นกับเวลา เพราะเวลาไม่เคยปราณีใครและก็ไม่มีใครมีอำนาจไปสั่งให้เวลาหยุดหมุนหรือย้อนหลังกลับไปได้เวลาคือตัวทำลาย มันจะออกหมายคำสั่งให้เราขึ้นเฝ้าพระอินทร์เมื่อไหร่ก็ได้ถ้ามันต้องการ



การมีสติ ความรู้ ความฉลาด และความสามารถเท่านั้นที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จและมีความสุขกับชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง จิตใจและความคิดสามารถสร้างและผลิตอะไรขึ้นมาก็ได้ที่เราอยากไห้มีอยากให้เป็น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการคิดถ้าคิดดีก็สร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดี ผิดถูกก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเขาใจเราเลือกคิดแต่สิ่งที่ถูกไม่ใช่เลือกให้คนอื่นมาเชื่ออย่างที่ใจเราคิด...คนที่ปฏิเสธความคิดเราเขาไม่ได้เป็นคนผิด ทุกอย่างบนโลกนี้มีดีและไม่ดีอยู่ที่เราจะไขว่คว้า ถามใจตัวเองดูว่าอยากไขว่คว้าเอาสิ่งใด



มีใครสงสัยบ้างไหมว่าคนทุกคนมีหัวใจแต่ทำไมหัวใจของทุกคนกลับไม่เหมือนกันทั้งที่เราอยู่บนที่เดียวกันมีความหิวเหมือนกัน เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือน หัวใจเป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง คนๆหนึ่งก็มีความคิดอย่างหนึ่ง แล้วความคิดที่มาจากใจก้อนหนึ่งทำไมถึงคิดและใช้ชีวิตต่างกัน...
 
 แท้จริงแล้วจิตใจของเราทำงานอย่างไร จิตใจบงการความคิดหรือความคิดปิดบังจิตใจกันแน่ มันเป็นคำถามที่ฉันเองยังสงสัย และยังไม่เคยค้นพบกับคำตอบ สิ่งที่ชอบกับสิ่งที่ทำการกระทำกับความคิดมักสวนทางกันอยู่เสมอ...

...หรือว่าสัจธรรมที่แท้จริงนั้น  คือ.."ความเศร้ามักเป็นพื้นฐานของความรัก"ถ้าเป็นอย่างนั้นความเศร้าครั้งนี้เราคนไทยทุกคนควรให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่สำคัญที่สุดคือ"เราต้องไม่ลืมว่ามันเคยเกิดขึ้นกับเรา"...
 
 
 
.....
 
...วัคซีน...