ทางเดียวที่เราจะมองเห็นความจริงของตัวเอง ก็คือการมองย้อนเวลา
เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตข้างหน้าณ.ขณะนี้จะเป็นอย่างไร..เมื่อวันนั้น
เรารู้แต่เพียงว่ามันเคยเป็นยังไง
และมันจะเป็นยังไงอีกต่อไปแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ
….
สิ่งที่เห็นได้ชัดในชีวิตฉันคือ “ไม่มีอะไรที่อยู่กับที่”
เวลาได้พาอดีตทั้งหมดของฉันเคลื่อนที่ออกจากกันด้วยความเร็วมหาศาล
และในขณะที่เวลายิ่งเคลื่อนออกไปเร็วมากเท่าไหร่
ชีวิตฉันยิ่งห่างความจริงออกไปมากเท่านั้น
....
ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนที่ไม่มีความจริงยืนยาว
ฉันรู้สึกว่าเวลาหลอกล่อให้ฉันวิ่งตามหาตัวฉันเอง
แล้วฉันก็รู้สึกว่าตัวฉันเองก็ไม่ใช่ตัวเองในวันนี้
หากวัดจากความเป็นจริงของตัวฉันในวันที่ผ่านมา
....
... เวลาได้เปลี่ยนโลกของฉันราวหลังมือไปได้อย่างไร ???
....
ราวว่าฉันได้สัมผัสโลกใหม่อีกครั้ง
ฉันคือคนใหม่ทุกๆครั้งที่ฉันตั้งใจมองดูตัวเอง
ฉันคือคนใหม่ทุกๆครั้งที่ฉันตั้งใจมองดูตัวเอง
และฉันก็งงงันในการเปลี่ยนแปลงหลายๆครั้งที่ฉันกำลังมองเห็นตัวเอง..
….
...มันมีอะไรเกิดขึ้นในตัวฉัน...
ฉันสงสัยในตัวเองทุกครั้ง ว่ามันมีอะไรอยู่ในตัวฉัน
ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลง
ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลง
ฉันสงสัยในตัวเองทุกครั้งว่าฉันมายืนอยู่จุดตรงนี้ ตรงนั้นได้อย่างไรกัน?
...ใครนำพาฉันไป?...
เวลาหรือ พระเจ้าหรือ หรือตัวฉัน หรือ..หรืออะไร????
เวลาหรือ พระเจ้าหรือ หรือตัวฉัน หรือ..หรืออะไร????
...
ฉันไม่รู้...ทว่า...ฉันก็คิดว่ามิมีผู้ใดรู้เช่นกัน
ความลับนี้ยังคงเก็บลึกแน่นอยู่ในหัวใจของฉัน
หรือ...มีที่อื่นใดอีกไหมในโลกนี้ที่เก็บความลับของฉันไว้
หรือ...มีที่ใดอีกไหมที่จะสามารถเปิดเผยปริศนาคาใจของฉันได้
….
...ฉันเหมือนถูกโดดเดี่ยวให้เดียวดายเพียงลำพัง...
ไม่มีใครรู้จักฉัน
ไม่มีใครรู้ท่วงทำนองของหัวใจฉัน
ไม่มีใครเห็นตุ๊กตาตัวนั้นทำอะไรอยู่ในนิทานเรื่องนั้น
ในวันเหงาๆท่ามกลางราตรีเศร้าๆในโลกสีเทาๆของฉัน
....
...ในนิทานเรื่องนั้น...
ฉันรอคอยแค่ใครสักคนหนึ่งที่มีหัวใจผูกพันกันด้วยความฝันอันเป็นหนึ่งเดียว
ในนิทานเรื่องนั้น
สอนให้ฉันรู้จักการรอคอยใครสักคนด้วยความอดทน
สอนให้ฉันรู้จักการรอคอยใครสักคนด้วยความอดทน
ในนิทานเรื่องนั้น
สอนให้ฉันรู้จักเสียสละทำในเรื่องที่มหัสจรรย์เพื่อให้ใครสักคนรู้สึกว่าเค้าคือคนสำคัญ
.....
สอนให้ฉันรู้จักเสียสละทำในเรื่องที่มหัสจรรย์เพื่อให้ใครสักคนรู้สึกว่าเค้าคือคนสำคัญ
.....
...แต่สุดท้าย...
....
....
ฉันก็รู้ว่าใครคนนั้นที่ฉันรอเค้าอยู่ในนิทานเรื่องนั้น
....
...มันไม่มีอยู่จริง..
....
....
...มันไม่มีอยู่จริง..
....
...และท้ายที่สุด..
....
....
ฉันก็รู้ว่าชีวิตจริงในโลกของความเป็นจริง
ฉันก็ถูกใครๆดึงให้เข้าไปอยู่ในเกม เกมหนึ่งเท่านั้น
….
เกมนี้ใครจะชนะหรือแพ้ มิได้อยู่ที่คุณเล่นเกมนั้นอย่างไร
และเส้นทางนั้นก็ไม่ใช่วิธีการที่จะรู้ชื่อฉันเสมอไป
เมื่อเกมนี้จบลงไปเพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปยืนอยู่ตรงจุดนั้นอีกครั้ง
....
....
จุดที่คุณจะพบว่า
....
....
ถ้อยคำมุสานั้นเปล่าประโยชน์ไร้ค่าปราศจากน้ำหนัก
..และ...
เลื่อนลอยตลอดระยะเวลาที่คุณเฝ้าทำมาด้วยความผยองใจ
....
..และ...
เลื่อนลอยตลอดระยะเวลาที่คุณเฝ้าทำมาด้วยความผยองใจ
....
เพียงคำขอโทษสั้นๆมันก็ไม่มีความหมายที่คุณจะเอื้อนเอ่ยมันออกไป
เพราะต่อจากตรงนี้และตลอดไป...คุณค่าระหว่างเรามันจบลงแล้ว
...วัคซีน...