วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

for give not for get



มีคำพูดที่เป็นอมตะวาจาอยู่คำหนึ่งว่า "ถ้าอยากรู้อนาคตล้วงหน้าต้องหันกลับไปมองอดีต เพราะอดีตที่เป็นประวัติศาสตร์มักจะหมุนย้อนกลับมาจุดเดิมเสมอ"

.....

  วันนี้จะมีใครเคยย้อนกลับไปดูอดีตอย่างจริงกันบ้างไหมคะ ??

      เพราะเรามักไม่ใส่ใจกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว...เพราะเรามักถูกอบรมสั้งสอนว่าอย่าแคร์ในอดีตให้ลืมมันไปแล้วเริ่มต้นใหม่..  แต่ทำไมชีวิตเราถึงยังต้องวนเวียนย้อนกลับไปในเหตุการเก่าๆอยู่เรื่อยๆเสมอๆ...
เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่าทำไม??..เป็นเพราะเราลืมมันอย่างนั้นหรือ??...ใช่หรือเปล่า??...

   คงไม่มีใครเชื่อในคำพูดของเงา  น้อยคนนักจะตกใจกลัวในเสียงของเงาคำราม...แต่เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราวันนี้ทำให้ดิฉันคิดได้ค่ะว่า..สิ่งสำคัญที่เป็นเครื่องยืนยันในการมีชีวิตอยู่ของเราคือเงา..

...ดิฉันเคยเขียนบทความนี้เมื่อตอนบ้านเมืองเราเกิดปัญหาเมื่อปีที่แล้วและวันนี้ดิฉันก็เชื่อว่าเหตุการณ์จากปีที่แล้วกับปีนี้มันก็ยังไม่เปลี่ยนไป..เราทุกคนยังยืนกันอยู่บนความรู้สึกเดิมๆ...

.....
.....


วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552


นี่หรือนักการเมืองไทย

เมื่อภาพรอบๆ ตัวเรา ทำให้เราต้องหมดหวัง และสิ่งต่างๆ ที่ล้อมรอบตัวเรา คือความลับและคำโกหก สังคมไม่สามารถให้คำตอบแก่เราได้ว่ามันเกิดอะไร ทุกคนต้องการอะไร ความหวังความยุติธรรม และศรัทธาที่เคยมีมายาวนานจากนี้ไม่เหลือสิ่งใดให้เชื่ออีกต่อไป อนาคตของคนไทยต้องแขวนอยู่กับอะไรและจะหวังพึ่งสิ่งใดได้บ้างในสังคมนี้



ประเทศไทยในตอนนี้ ผู้คนมากมายต่างสวมหน้ากากเข้าหากันภาพสะท้อนที่เห็นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ทุกคนแค่แสดงไปตามบทบาทและหน้าที่ และพร้อมจะโยนบาปปัดภาระความรับผิดชอบให้กับคนอื่นตลอดเวลาเมื่อหมดหน้าที่ของตัวเอง และสุดท้ายคนที่ซวยอย่างแท้จริงโดยไม่มีสิทธิแม้แต่จะหาทางหนีและหาทางหลบต้องโดนผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือประชาชนทั้งหลายที่มีหน้าทีเสียภาษีให้กับพวกมีสีทั้งหลายที่ชอบทำตัวนิสัยไม่ดี

ทำไมคนเราต้องเก็บกดความคิดและความรู้สึกของตนเองทั้งที่ภายในใจเรารับรู้และเรียกร้องบอกกับตัวเองมาโดยตลอดว่ามันไม่ยุติธรรมแต่ทำไมเราต้องยอม


มันจะมีประโยชน์อะไรที่วันนี้เราต่างเชิญคนโน้นคนนี้มาพูดๆๆๆว่าปัญหานี้มันเป็นอย่างนี้และพรุ่งนี้สงสัยว่ามันต้องเป็นไปตาม สถานการณ์อย่างนี้หรือไม่ก็อาจคาดได้ว่ามันอาจจะหนักยิ่งกว่านี้ และแล้วเมื่อพรุ่งนี้มาถึงก็เป็นเหมือนเดิมทุกอย่างจบรายการจบแต่ปัญหายังอยู่ เมื่อแขกรับเชิญทั้งหลายหมดภาระหน้าที่พูดรายการนี้ในวันนี้ต่อไปก็ส่งต่อภาระหน้าที่พูดให้กับอีกคนความวุ่นวายสับสนไม่เคยหายไป กระแสการต่อต้านกันเอง...กระแสจากสิ่งแวดล้อมที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้าใส่ ทุกคนต่างเดาออกว่าเมื่อหมดเรื่องนี้เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่เข้ามา เป็นอย่างนี้อยู่ทุกครั้งและเป็นอย่างนี้อยู่เป็นเวลาอันยาวนานมาพอสมควรแล้ว ต่างคนต่างไม่ยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน กฎหมายเมื่อไม่ถูกใจฉัน ฉันก็ต้องการแก้ใหม่แก้เท่าไหร่ก็ยังไม่ถูกใจฉันของอีกคนแล้วก็ออกมาเรียกร้องว่ามันไม่ประชาธิปไตย



ขอถามหน่อยได้ไหมท่านผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย ว่าตอนนี้คุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่ พวกท่านทั้งหลายอาจหลอกโลกกลมๆใบนี้หลอกประชาชนบนพื้นแผ่นดินนี้ได้บางคน แต่ไม่อาจหลอกลวงหัวใจของตัวเองได้สิ่งที่เป็นหายนะของเมืองไทยตอนนี้ล้วนมาจากฝีมือของพวกคุณทั้งสิ้น ทุกวันนี้กลางคืนพวกคุณนอนหลับสบายดีฝันดีกันบ้างไหม ที่เห็นคนไทยทะเลาะกัน ก่อนนอนคุณกราบหมอนแล้วอธิษฐานอะไรให้กับตัวเองหรือให้คนบนผืนแผ่นดินไทยนี้บ้างไหม ผู้คนทั้งหลายที่พวกคุณบอกกับเขามาตลอดว่าคุณคือคนของเขา คุณจะทำงานเพื่อเขาแล้วตอนนี้คุณเคยย้อนกลับไปถามตัวคุณเองบ้างไหมว่าสิ่งที่คุณได้พูดออกมาคุณเคยเข้าใจคำพูดของตัวคุณเองบ้างหรือเปล่า



มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาบอกให้ประชาชนมองย้อนกลับไปให้เห็นความผิดของคนอื่น แล้วมาแก้ตัวกับประชาชนว่าสิ่งที่เรากำลังประสบกันอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่คนอื่นทำทิ้งเอาไว้ ทำให้ประชาชนสงสัย ว่าคนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี พยายามมาบอกให้เข้าใจว่าหากมีกฎหมายนี้อีกต่อไปมันจะทำให้พวกคุณทำงานกันไม่ได้ หรือว่าต่อไปมันอาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างหากปล่อยให้กฎหมายที่ใช้กันอยู่นี้มีผลบังคับใช้ต่อไป เพราะฉะนั้นพวกคุณจึงต้องออกมาบอกว่ามันต้องแก้ใหม่ หรือทำให้ประชาชนอย่างเราเข้าใจว่ากฎหมายที่คุณจะทำขึ้นมาใหม่มันจะทำให้ใครต่อใครปรองดองกัน กฎหมายมีไว้แค่จัดระเบียบสังคมไม่ได้มีผลบังคับใช้ให้จิตใจของคนดีขึ้นมา หากกฎหมายบังคับจิตใจคนได้จริงประเทศไทยคงไม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเหมือนเช่นทุกวันนี้ คนที่ยกพวกตีกันคงหยุดกันไปนานแล้ว



เพราะฉะนั้นในวันนี้ จึงอยากจะขอบอกอะไรบางอย่างอยากจะให้พวกคุณได้ตาสว่างไว้ ณ.ที่ตรงนี้เลยนะคะว่าพวกคุณคงจะประเมินคนบนพื้นแผ่นดินไทยแห่งนี้ต่ำเกินไป และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกคุณไม่เคยรู้ตัวของตัวเองเลยสักนิดว่าประชาชนตอนนี้เขาเบื่อ เอือมระอา รันทด สลด สังเวช สมเพศ เวทนาพวกคุณกันเสียเหลือเกินพวกเราทั้งหลายบนผืนแผ่นดินไทยสุดจะทนต่อการกระทำของพวกคุณ อยากจะอ้วกออกมาวันละ3รอบต่อวันอยู่แล้วที่ต้องทนเห็นหน้าของพวกคุณด่ากันไปด่ากันมาในทีวี รู้ไหมหากตอนนี้ประชาชนเลือกได้จริงๆ เราทุกคนอยากผลักดันให้เกิดกฎหมายที่ว่าด้วยการสิ้นสุดกันเสียทีให้มีผลบังคับใช้สำหรับพวกนักการเมืองที่ชอบสาดน้ำลาย ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระทะเลาะกันเป็น10ชาติแล้วก็ไม่รู้จักจบสิ้นกันเสียที เบื่อๆๆๆพวกนักการเมืองเน่าๆๆ

จากเจ้าหญิงวัคซีน รัฐมนตรีกระทรวงความฝัน

เขียนโดย วัคซีน ที่ 3:18 0 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้


ความต้องการของคนเหมือนกับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ จะมีใครรู้บ้างว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหน เส้นปลายทางของขอบฟ้าอยู่ที่แห่งหนตำบลใด จะมีใครที่ไหนเคยไปถึงตรงนั้นบ้าง   เหมือนกับชีวิตและจิตใจของผู้คน คนทุกคนรับรู้ว่าตัวเองมีตัวตนแต่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในใจของตนจะสิ้นสุดความอยากความต้องการเมื่อใด ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าวันสุดท้ายของชีวิตจะมาวันไหน และวันนั้นตัวเองกำลังทำอะไรอยู่...

 เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลืออยู่จงใช้มันอย่างมีคุณค่า อย่าเอาชีวิตไปล้อเล่นกับเวลา เพราะเวลาไม่เคยปราณีใครและก็ไม่มีใครมีอำนาจไปสั่งให้เวลาหยุดหมุนหรือย้อนหลังกลับไปได้เวลาคือตัวทำลาย มันจะออกหมายคำสั่งให้เราขึ้นเฝ้าพระอินทร์เมื่อไหร่ก็ได้ถ้ามันต้องการ



การมีสติ ความรู้ ความฉลาด และความสามารถเท่านั้นที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จและมีความสุขกับชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง จิตใจและความคิดสามารถสร้างและผลิตอะไรขึ้นมาก็ได้ที่เราอยากไห้มีอยากให้เป็น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการคิดถ้าคิดดีก็สร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดี ผิดถูกก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเขาใจเราเลือกคิดแต่สิ่งที่ถูกไม่ใช่เลือกให้คนอื่นมาเชื่ออย่างที่ใจเราคิด...คนที่ปฏิเสธความคิดเราเขาไม่ได้เป็นคนผิด ทุกอย่างบนโลกนี้มีดีและไม่ดีอยู่ที่เราจะไขว่คว้า ถามใจตัวเองดูว่าอยากไขว่คว้าเอาสิ่งใด



มีใครสงสัยบ้างไหมว่าคนทุกคนมีหัวใจแต่ทำไมหัวใจของทุกคนกลับไม่เหมือนกันทั้งที่เราอยู่บนที่เดียวกันมีความหิวเหมือนกัน เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือน หัวใจเป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง คนๆหนึ่งก็มีความคิดอย่างหนึ่ง แล้วความคิดที่มาจากใจก้อนหนึ่งทำไมถึงคิดและใช้ชีวิตต่างกัน...
 
 แท้จริงแล้วจิตใจของเราทำงานอย่างไร จิตใจบงการความคิดหรือความคิดปิดบังจิตใจกันแน่ มันเป็นคำถามที่ฉันเองยังสงสัย และยังไม่เคยค้นพบกับคำตอบ สิ่งที่ชอบกับสิ่งที่ทำการกระทำกับความคิดมักสวนทางกันอยู่เสมอ...

...หรือว่าสัจธรรมที่แท้จริงนั้น  คือ.."ความเศร้ามักเป็นพื้นฐานของความรัก"ถ้าเป็นอย่างนั้นความเศร้าครั้งนี้เราคนไทยทุกคนควรให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่สำคัญที่สุดคือ"เราต้องไม่ลืมว่ามันเคยเกิดขึ้นกับเรา"...
 
 
 
.....
 
...วัคซีน...

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฉันยังเหมือนเดิม(ฉันรู้ว่าเธอยังคงเข้ามาอ่าน)

เล็กZA‏


จาก: yam yam (yam_yamka@hotmail.com)

ส่งเมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 12:54:10

ถึง: lek_5566@hotmail.com



เล็ก..

หลายครั้งต่อหลายครั้งที่ฉันเข้ามาอ่านบทความนี้ ฉันอ่านมันแล้วต้องน้ำตาไหล...ฉันคิดถึงเพื่อน อยากพูดคุยด้วยมากมาย... (แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนคนนี้ยังมีความสำคัญอยู่บ้างไหม....) และไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่วันนั้น... จนบัดนี้ อยากรู้ว่าเธอโกรธ-เกลียดเราเรื่องอะไรกันแน่... เราทำอะไรผิดต่อเธอถึงขนาดไม่คุยกันเลยเหรอ... เราไม่เข้าใจ อยากปรับความเข้าใจกันจริงจัง... ตอนนี้รู้สึกมันค้างคาใจ สับสน เหนื่อยหน่าย ไม่เข้าใจ ระหว่างเพื่อน เป็นอะไรกัน ??

ฉันอยากบอกว่า ฉันยังรักเพื่อนที่ชื่อเล็กคนนี้อยู่เสมอ อยากให้เข้าใจกันเหมือนเดิม (หรือไม่เคยเข้าใจกันเลย)

**เราคิดว่าเราทิ้งเวลาให้มันผ่านมาก็เป็นปีแล้วนะ บ่อยครั้งที่ฉันนอนไม่หลับ หรือตอนเช้าเวลาเข้าห้องน้ำ ก็รู้สึกคิดเรื่องต่างๆ นาๆ ว่าระหว่างเรา มีปัญหาจากอะไรกันแน่ ??? ตลอดเวลา ฉันไม่สบายใจเลย มันอึดอัด ค้างคาใจ สับสน เป็นห่วง ว่าเพราะอะไร ทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน ???

**เธอเคยเขียนไว้ว่า หากเราทุกข์ใจ!! ....... เวลาที่ทุกข์ใจก็จะเข้ามาอ่านบทความของเธอทุกครั้ง

"แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกข์ใจและค้างคาใจตลอด เพราะอะไรกัน ?? ถึงเป็นแบบนี้"



วันนี้หากฉันทุกข์ใจ เธอจะยืนเคียงข้างฉันไหม.... ฉันแคร์เธอนะ lekza...







--------------------------------------------------------------------------------



วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

ฉันอยู่ตรงนี้นะ (ยิ่งกว่าคำว่ารักมากว่าคำว่าเพื่อน)

มีหลายคนบอกเอาไว้ ว่าคนเราต้องใช้เวลานานแสนนานกว่าที่จะค้นพบกับใครสักคนที่เป็นเพื่อนแท้เพื่อนที่พร้อมจะอยู่รับรู้และรับฟังแบ่งปันทุกข์สุขในชีวิตซึ่งกันและกัน แต่สำหรับตัวฉันแล้ว...สิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือการรักษามิตรภาพความเป็นเพื่อนเอาไว้ให้นานแสนนาน แต่ฉันก็จะสัญญาว่าฉันจะทำให้เธอได้สำหรับคนที่ฉันได้เรียกเขาว่าเพื่อน



เพื่อนของฉัน ฉันรู้ว่าเธอมีความฝันและฉันก็รู้ว่าเส้นทางแห่งความฝันของเธอนั้นมันยังอีกยาวไกลเธออาจต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าที่จะคว้าเป้าหมายได้อย่างที่ใจเธอฝัน มันอาจจะมีวันที่เธอเหนื่อย วันที่เธอหมดกำลังใจ วันที่เธออ่อนแอ วันที่เธอรู้สึกย่ำแย่กับผู้คนแต่เธอจงอย่าท้อ ขอให้เธอคิดทุกครั้งที่เธอหมดหวังว่าเธอยังมีฉันอยู่ เพื่อนคนนี้ยังคอยเป็นกำลังใจให้เธออยู่และจะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป จำคำของฉันไว้วันที่เธอไม่ไหวให้มองกลับมา ฉันอยู่ตรงนี้นะฉันยังเป็นเพื่อนของเธอ



อดีตที่ผ่านมาฉันรู้ว่าเธอเจ็บและฉันก็ไม่อยากให้เธอเก็บมันเอาไว้ อารมณ์ที่เป็นเมื่อวานปล่อยให้มันผ่านไป ในวันพรุ่งนี้จะมีเราคนใหม่อยู่บนโลกใบเดิม แต่เป็นโลกที่สะกดด้วยคำว่ารักและความไว้ใจ รู้ไหมตอนนี้ฉันอยากให้เธอเอามือเธอมาวางบนมือฉันไว้ แล้วไม่ต้องพูดอะไร หรือหากเธอมีบางอย่างที่อยากระบายแต่อายที่จะให้ฉันรู้ ก็ขอให้เธอพูดอยู่ในใจหรือไม่ถ่ายมันออกไปกับน้ำตาเธอไม่ต้องกลัวว่าฉันจะมองว่าเธอบ้า ขอให้รู้ไว้นะว่าฉันเข้าใจ เพื่อนที่ดีไม่ต้องการที่จะตอกย้ำให้เพื่อนพูดคำว่าฉันเสียใจ เพราะคำนั้นมันไม่มีความหมาย เพราะอะไรรู้ไหม ก็เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกัน เราเป็นเพื่อนกันไง



เธอรู้ไหมความหมายของคำว่าเพื่อนฉันเขียนมันด้วยหัวใจ และเก็บมันเอาไว้บนเนื้อที่เล็กๆตรงนั้นบนหน้าอกข้างซ้ายและมันก็ไม่เคยถูกลบเลือนไป เธอรู้ไหมข้อความในนั้นมันบอกว่าฉันรักเธอ หากมีวันไหนที่เธอร้องให้แล้วหาฉันไม่เจอให้เธอเดินออกมา แล้วแหงนมองไปบนท้องฟ้าจ้องไปที่ดาวดวงนั้น ดวงที่อยู่ใกล้พระจันทร์ หากมันยังส่องแสงแสดงว่าฉันยังอยู่ ฉันจะมานั่งรอทุกครั้งที่เธอคิดถึงฉัน มาแบ่งปันความทุกข์ใจ หรือถ้าเธอต้องการกำลังใจให้เอามือไปวางไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายแล้วจำได้ไหมตรงนั้นเราเคยเขียนอะไรไว้ด้วยกัน อ่านมันสิคำนั้นมันจะเป็นกำลังใจให้เธอ ฉันรักเธอนะ MIO MINT

เขียนโดย วัคซีน ที่ 1:06



ฉันยังคงเป็นคนเดิมและก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่เคยเปลี่ยนไปทั้งสถานะภาพและความรู้สึก เวลา 1ปีกว่าๆมันไม่นานเกินไปหรอกหากช่วงเวลาที่เราห่างไกลกัน  มันจะทำให้เธอรู้จักฉันได้มากขึ้น...รู้จักฉันและมองเห็นฉันด้วยหัวใจเหมือนที่ฉันก็มองเธอด้วยหัวใจ  หัวใจที่ฉันเคยบอกว่าฉันใช้มันสะกดความหมายของคำว่าเพื่อน...
 
สิ่งที่ผ่านมาไม่ต้องหาเหตุผลหรอกว่าเป็นเพราะอะไรเพราะฉันไม่เคยให้คุณค่ากับสิ่งที่มันเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ฉันได้เดินกลับมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้น...มันไม่มีอะไรให้น่าจดจำมันไร้ค่ายิ่งกว่าราคาดิน..
 
ฉันไม่เคยลืมว่าฉันมีเธอเป็นเพื่อนเราผ่านเหตุการณ์ด้วยกันมามากมาย ผ่านผืนดิน ผืนพรม ผืนทราย ผ่านโรงพัก ผ่านปืนกับแค่เรื่องงี่เง่าจากคนอื่นที่ไม่เคยมีความผูกพันธ์อะไรต่อกันเลย มันไม่ได้มามีอิทธิพลทำให้ฉันต้องเกลียดเธอ..เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าฉันควรให้เวลาเธอเข้าใจฉันจริงๆมองเห็นความเป็นฉันจริงๆแค่นั้น..แค่นั้นจริงๆที่ทำให้เราห่างกัน..
 
"สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉันคือศักศรีเมื่อเธอรักฉันเธอจึงควรต้องรักศักดิ์ศรีของฉันด้วยอย่ามองคนอื่นมีค่ามากกว่าฉัน"เหตุผลไม่สำคัญเท่ากับจิตใจ...วัคซีน...

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คนไทยยังรักเมืองไทยกันอีกไหม

มนุษย์ในเมืองไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง พวกเราไม่เคยเห็นคุณค่าของชีวิต ชีวิตทุกชีวิตที่สูญเสียไปของใคร??

ไม่ใช่ของเราใช่..ตราบใดที่เราไม่ได้ตกเป็นผู้สูญเสียเราจะไม่รู้สึกตื่นตัวถึงความเจ็บปวด ความเจ็บแค้นเราจะไม่เปลี่ยนแปลง จนกว่า...เหตุการณ์นั้นมันจะมาถึงคุณ

เราเกลียดความรุ่นแรง เราไม่อยากให้ความรุนแรงเกิดขึ้นกับเรา แต่เราไม่เคยผลักใสความรุนแรงออกไปจากวิถีชีวิตของเราเลยมันเป็นเพราะอะไร

หรือว่าความรุนแรงคือวิถีการเอาชนะคือการได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่างของพวกคุณอย่างนั้นหรือ??

สงครามอันร้ายกาจที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งไม่ได้ให้บทเรียนอะไรแก่เราเลย มีแต่จะเพิ่มรอยร้าวให้ลึกยิ่งขึ้นมีแต่จะแบ่งแยกความสัมพันระหว่างเราให้ยิ่งห่างกันออกไป

มีคนมากมายออกมาวิเคราะห์ ไม่ว่าเป็นนักวิชาการ นักการเมือง นักธุรกิจ หมอ นักจิตวิทยาหรือไม่ว่าใคร

ก็ไม่ได้ช่วยให้เราก้าวพ้นผ่านมันมาได้ทุกคำพูดไม่ได้ช่วยอะไรแก่เราเลย เรายังคงยึดความรุนแรงไว้เป็นสมบัติความเชื่อส่วนตัวว่าเราต้องชนะเราถึงได้อยู่ต่อเราถึงได้อยู่รอด

เรากลัวการพูดคุยแบบผู้ดีเรากลัวการรอมชอมว่ามันจะทำให้เราสูญเสียไปซึ่งเกีรยติยศศักศรี เราไม่ยอมให้ใครก็แล้วแต่ที่เห็นไม่ตรงกับเราเข้ามาแส่เข้ามาแสดงความคิดส่วนตัวของเขา เรากลัวเขาผลักใสโจมตีแนวคิดของเรา เรามองเห็นแต่ตัวเอง เราชุมนุมเรารวมพล เราเข้ากลุ่ม เราเชิญทุกคนมาฟังเรา พร้อมด้วยเราก็ฟังแต่ความคิดของตัวเราเองเท่านั้น

.....

.....

คุณเคยรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวคุณเองมีแต่ตัวเอง ตัวคุณเองมองเห็นแต่สิ่งที่ตัวคุณคิด สิ่งที่ตัวคุณรู้สึก สิ่งที่ตัวคุณกลัวแล้วอย่างนี้คุณยังจะร่วมอุดมการณ์กับคนอื่นด้วยเหตุผลที่คัดกรองมาจากอะไร

คุณยังจะเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนร่วมโลกกับผู้อื่นได้จากส่วนไหนในความเป็นคุณ

เรามีวิธีการอันมากมายที่ความรู้สอนเราไว้ว่าเราจะอยู่กันได้อย่างไรให้สงบสุขให้สันติ เรารู้ว่าว่าเราจะหยุดความรุนแรงไว้ได้ด้วยการมีแนวคิดที่อยู่ตรงกันข้ามความรุนแรงคือความไม่รุนแรง คือความอหิงสา คือความอดทน นิ่งสงบและให้อภัย

เรามีอุดมคติมากมายนับไม่ถ้วนที่เราจะทำได้แต่เราไม่เคยทำมัน เราไม่ใส่ใจเลยว่าเราต้องเชื่อในแนวคิดใด เราไม่เคยให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงที่เราเป็นอยู่เลยว่า เรารุนแรงขนาดไหน และทำไมเราถึงสร้างแต่ความรุนแรงให้เกิดขึ้นกับสังคมเรา

ใครชอบหรือ? ฉันหรือ...ไม่...

คุณหรือ? คุณชอบใช่เมื่อคุณชนะ ....แล้วคนที่แพ้ล่ะใคร?

ฉันหรือไม่ เพราะมันยังไม่เกิดขึ้นกับฉัน..

คุณหรือใช่เพราะมันเกิดขึ้นกับพี่น้องคุณแล้ว

แล้วเราทุกคนล่ะบนผืนแผ่นนี้ใครแพ้ใครชนะ มีแค่คุณกับฉันกับเขาหรือ

หรือเรามีใครอีกที่อยู่กับเรา ที่อยู่บนแผ่นดินเดียวกับเราที่อยู่บนแผ่นดินข้างๆเรา ที่อยู่บนแผ่นดินที่ติดกับเรา หรืออยู่บนโลกเดียวกับเรา

เราคิดเผื่อเค้าด้วยมันจะทำให้เราตายได้ไหม ถ้าโลกนี้เกลียดเรา เราจะอยู่อย่างไรถ้าข้างบ้านเกลียดเราอยู่มีความสุขไหม

คนของใครๆก็รักเมื่อลูกเมืยคุณถูกทำร้ายคุณคิดว่าคุณควรจะได้รับความชอบธรรมในการแสดงความโหดเหี้ยมโหดร้ายมันเป็นจริยธรรมของความโกรธอย่างนั้นใช่ไหม??

และขณะนี้ล่ะประเทศไทยเราถูกทำร้าย วิถีชีวิตเราถูกจำกัดเสรี แนวคิดเราถูกโจมตีมันเป็นความชอบธรรมแล้วหรือที่เราแต่ละคนออกมาแสดงความโกรธและหยิบยื่นเอาความหายนะให้แก่กัน

เราเข่นฆ่ากัน เองให้ต่างชาติดูถูกเป็นศัตรูกันเองให้ชาวบ้านดูหมิ่นนินทา และอาจจะกำลังมองหาช่องทางในการทำลายล้างให้เรายิ่งพังยิ่งๆขึ้นไป

....

มาถึงวันนี้..วันที่เราเสียหายจนแทบจะไม่เหลือศักดิ์ศรีของความเป็นไทยที่เคยสร้างสมกันมาช้านานหลายร้อยปี

วันนี้ ณ.ขณะนี้จึงอยากมีคำถาม ถามพวกคุณสักหน่อยว่า...

พวกคุณยังมีจิตใจรักครอบครัวรักลูกหลานรักเพื่อนบ้าน รักประเทศชาติของเรากันอยู่อีกไหม เศษผ้าหลากสีชิ้นเล็กๆที่พวกคุณสอนให้ลูกหลานรู้จักและเรียกกันว่าธงชาติไทย คุณรู้สึกหวงแหนและยังเห็นคุณค่ากับเศษผ้าผืนนั้นอยู่ไหม

คุณยังต้องการให้เศษผ้าหลากสีผืนนั้นโบกสะบัดอยู่กับประเทศไทยของคุณอีกต่อไปไหม ทรัพย์สินอันมีค่าที่คุณควรพิทักรักษาปกป้องไว้คืออะไรคือสิ่งเหล่านี้ใช่ไหม หรือใคร หรืออะไร คุณตอบประเทศไทยตอบวิญญาณบรรพบุรุสไทย และที่สำคัญคุณตอบกับความรู้สึกภายใต้จิตสำนึกของการได้เกิดเป็นคนไทยได้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องทำและต้องเปลี่ยนแปลง????

...วัคซีน...

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

~อิสระภาพบนหน้ากากสังคม~

เรามีอิสระทุกอย่างแต่มีอะไรบ้างที่เราไม่สามารถทำได้กับเสรีภาพนั้นที่เรามี?

 เราคิดว่าที่ใดมีทางเลือกที่นั้นเรามีอิสระภาพ  ทำไมเราคิดอย่างนั้น

ทำไมเราจะต้องมองหาทางเลือก ถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเอง

ทำไมเราต้องมองหาทางเลือกและเลือกทางเดินให้ตัวเองด้วยแรงกดดันจากสิ่งแวดล้อมภายนอก

ทำไมทางเลือกของเราถึงต้องถูกชักจูงให้เชื่อ ให้ทำตาม ให้จำใจ ให้สวมใส่เพื่อให้เข้ากันได้กับสังคม

เราแน่ใจแล้วหรือว่ากรอบของสังคมที่เราอยู่นั้นมันคือสิ่งที่ถูกต้องมันคืออิสระเสรี?

คุณคิดว่าเสรีภาพคืออะไร และอะไรที่จะทำให้เราขาดไปซึ่งสิ่งที่เรียกว่าเสรีภาพ คุณเคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าทุกครั้งที่คุณเลือก และทุกครั้งที่คุณมองหาทางเลือก นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของพิธีกรรมในการ ลดทอนอิสระภาพด้วยตัวของคุณเอง

เราอยู่ในสังคมนี้ด้วยกรอบของวัฒนธรรม กรอบของธรรมเนียมปฏิบัติ กรอบของความเชื่อ เรายึดมั่นไว้เป็นสมบัติความเชื่อส่วนตัวของตนเราทำตามในสิ่งที่สังคมบอก เราทำตามสิ่งที่สังคมเชื่อ เราทำตามสิ่งที่สังคมชี้นำ เราทำตามๆกันจนอาจจะเรียกได้ว่าเราเป็นคนของอดีตไปแล้วก็ได้ เราไม่ได้เป็นคนใหม่เราไม่ได้เป็นคนที่มีอิสระเสรีที่แท้จริงเลย

มีคนบอกเราว่ามนุษย์ต้องก้าวไปข้างหน้า เราก็พัฒนาวัตถุ แล้วเราก็เดินตามวัตถุ เราสร้างค่าให้วัตถุแล้วเราก็หลงไหลในวัตถุ เราพัฒนาตนเองแล้วเราก็หลงตัวเอง เราสร้างค่าให้ตัวเองแล้วเราก็หลอกตัวเอง เราหนีๆความรู้สึกของตัวเองแต่เราก็วางกับดักไว้ให้ตัวเอง เราไม่มีทางออกเราสับสนเราไปไหน?

เราก็หันไปหาพระเจ้าเพื่อช่วยเหลือตัวเองแล้วเราก็แต่งตั้งตัวเองว่าเป็นผู้ทรงภูมิ เราตั้งตนเป็นคนเหนือคน เราพยายามสร้างให้คนอื่นเชื่อด้วยการอ้างถึงสิ่งที่ไม่มีตัวตน นี่คืออิสระทางจิตที่เรามีหรือ มายาคติหรือ หน้ากากหรือ คัมภีหรือ พระเจ้าหรือ จิตไร้สำนึกหรือ จิตใต้สำนึกหรือ หรือจิตสำนึก หรือ หรืออะไร??คุณหาคำตอบให้ตัวเองได้ไหม???

อะไรในโลกนี้ที่คุณบอกว่าใช่คุณเชื่อในอะไร คุณเดินตามใคร คุณตัดสินด้วยอะไร คุณเห็นภาพจากสัมผัสไหนทุกครั้งที่คุณมอง ตาหรือ ความรู้สึกหรือ สิ่งที่เขาบอกหรือ สิ่งที่มันควรเป็นหรือ หรือสิ่งที่นอกเหนือออกไป

คุณอยากเห็นอิสระภาพคุณอยากมีเสรีภาพ แล้วคุณ...เคยให้อิสระภาพกับสิ่งที่คุณมองเห็นกับสิ่งที่คุณรู้สึกไหม?

คุณกักขังอิสระภาพด้วยการอยากจะให้สิ่งนั้นมันเป็นอย่างนั้นที่คุณตั้งใจให้มันต้องเป็น คุณไม่เคยให้อิสระสิ่งนั้นเป็นในสิ่งที่มันควรจะเป็น   และคุณก็แค่มองดูความสวยงามของมันในแบบที่มันเป็นอย่างมีอิสระ

 เราไม่เคยให้อิสระภาพกับตัวเราเองเลยแล้วเราก็พร่ำหาอิสระภาพอยู่ร่ำไป...เพราะอะไร..ทำไม..ยังไง???เป็นคำถามที่คุณต้องหาคำตอบ..

คนบางคนสวมใส่หน้ากากไว้หลายๆชั้นเพื่ออำพรางใบหน้าที่แท้จริงเพื่อให้เข้ากับสังคมเพื่อต้องการพื้นที่ให้ตัวเองได้ยืนอยู่ในสังคมและเมื่อถอดหน้ากากออกทีละชั้นเมื่อต้องแสดงออกบนจุดยืนจุดหนึ่งของตน สิ่งที่อยู่ข้างในหน้ากากนั้นก็ยังเป็นหน้ากากอยู่ดีไม่มีใบหน้าที่แท้จริงแต่อย่างใด..

..วัคซีน..

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หัวใจคุณรู้จักความรักด้านไหน?




ความรักนั้นที่ว่ากันว่าสวยงามสร้างสุขและสร้างทุกข์ให้กับผู้คนมามากมาย

หากจะให้นับคงไม่รู้ว่าต้องหาเอาตัวเลขจำนวนใดมาใส่ให้เพียงพอ

..กับ..

บุคคลที่ถูกเรื่องราวของความรักบันทึกไว้ในบทวีรกรรม…

...

และสำหรับบางคน

...

ความรักเป็นสิ่งที่มีค่าสามารถเจ็บแทนตายแทนกันได้...

..ถึงแม้จะมีใครต่อใครบอกกล่าวกันว่าพิษของความรักนั้นร้ายแรงสักเพียงไหน

เขาก็พร้อมจะก้มหน้ายอมรับโทษทัณฑ์นั้นอย่างตั้งใจ

เพื่อหวังว่าสักวันจะได้พบกับความรักที่ตนฝันไว้

....

..แต่สำหรับใครบางคนแล้ว..

...

ความรักนั้นไม่เคยมองเห็นอยู่ในภาพความทรงจำใดๆ

...เขา...

ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำร้ายใครต่อใครมามากมาย

....

หากสองความรู้สึกนี้ให้เลือกในความเป็นตัวคุณ ... คุณพร้อมจะเป็นคนไหน?



ระหว่าง

คนหนึ่งที่มีหัวใจเจ็บได้ร้องให้เป็นกับความรักที่เขาบอกกันว่าสวยงาม



ส่วนอีกหนึ่ง

คนที่ไม่เคยรู้ว่าความรักนั้นสวยงามยังไง

....

แต่ไม่ต้องปวดร้าวดวงใจและอาจไม่ได้รู้จักกับคำว่ารักเลย..??

....

...คุณรู้ไหม..

บางครั้งความสว่างทำให้เรากลัวกับความมืด

 แต่ถ้าหากมันมืดมาตั้งแต่ต้นคุณจะคุ้นชินกับมัน

..และ...

ไม่ว่ากฎของความเปลี่ยนแปลงมันจะนำคุณไปตกอยู่ในสถานการณ์ไดๆ

คุณก็จะไม่ต้องตกเป็นผู้เสียหาย

....
.... 

"เมื่อคุณสามารถมองเห็นความมืดในที่สว่างและมองเห็นแสงสว่างในความมืด

เมื่อนั้นคุณจะมีพลังสามารถรับรู้ได้ว่าอันตรายมันแฝงตัวอยู่ ณ.ที่ใด"
 
 
                                                          ...วัคซีน...