วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แมมโมรี่ที่ไม่มีใครรู้





มีคนมากมายอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร มีคนมากมายสงสัยในความเป็นฉัน มีคนมากมายตั้งคำถามและอยากรู้ในคำตอบแห่งความระแวงสงสัยนั้น

และก็มีคนมากมายอีกเช่นกันที่เค้าอยากรู้ว่าความจริงแล้วฉัน..คือ เทพหรืออสูร...

ตั้งแต่เกิดมาฉันก็ตั้งคำถามมาตลอดว่าฉันเกิดขึ้นมาจากความต้องการของใคร...เพราะจริงๆแล้วดูเหมือนไม่ค่อยมีใครต้องการสสารโครงสร้าง ชีวะวิทยาที่เรียกว่าตัวฉันด้วยซ้ำ

มีแต่คนผลักใสตัวฉันจนหลายต่อหลายครั้งฉันต้องระเห็จระเหแร่ร่อนไปอยู่ไกลๆ แต่น่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งรู้ไม๊ ที่ว่าทุกครั้งที่ฉันต้องจากจากที่ที่ฉันรู้จักและคุ้นเคยไปอยู่ไกลๆมันกลับทำให้ฉันมีส่วนผสมในชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่น

ฉันชอบไม๊ในความเปลี่ยนแปลงนั้น..ตอบ..ว่าบางครั้งก็ชอบ บางครั้งก็หนักใจ บางครั้งก็โดดเดี่ยว บางครั้งก็สร้างความวุ่นวาย และครั้งนี้ที่กำลังเป็นอยู่ ณ.ตอนนี้ส่วนผสมที่รวมเป็นตัวฉันมันสร้างเกราะกำบังให้ใครต่อใครมองไม่เห็นฉัน..มันทำให้ฉันเข้ากับคนอื่นไม่ได้..เรื่องนี้คงยังไม่เคยมีใครรู้..

ฉันไม่ใช่ทั้งเทพและอสูร..แต่..ฉันมีส่วนผสมของทั้งสองอย่างอยู่ในตัวฉัน..พ่อของฉันอาจเรียกได้ว่าเป็นพญาอสูรเก่งกาจมีอำนาจและพิษสงเหลือร้าย ดังนั้นแม้ฉันจะมีสายเลือดของเทพในตัวอยู่บ้างแต่สายเลือดแห่งความเป็นอสูรมันก็ยังฝังแน่นอยู่ในยีนส์ของฉัน และมันก็เข้มข้นพอที่จะเปลี่ยนแปลงให้ฉันกลายร่างเป็นอสูรเมื่อไหร่ก็ได้

อสูรคือเทพที่หน้าตาภาพลักษณ์ไม่สวยงามมีอำนาจฝ่ายชั่วควบคุมฝ่ายชั่วเทพคือเทวดาที่หน้าตาสวยงามซึ่งเป็นคู่ตรงข้ามของอสูร...เพราะฉะนั้นเมื่อมามองดูที่ตัวฉันมันเลยแสดงให้เห็นว่าฉันไม่ใช่ทั้งเทพและอสูร

ภาพของอสูรในตัวของพ่อฉันไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของผู้คน..แม้ฉันจะมีหน้าตาเป็นเทพถูกชุบเลียงในเมืองมนุษย์ก็ไม่เคยหยุดความคิดของคนได้ ฉันไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีสิทธิรังเกียจและผลักใสสายเลือดที่ฉันมี..ฉันจึงจำเป็นต้องอยู่ในร่างเทพอสูรต่อไป

ฉันเคยนึกน้อยใจในโชคชะตา นึกตัดพ้อต่อความใจแคบของคน นึกเสียใจต่ออะไรก็แล้วแต่ที่มีความหมายร้ายๆที่ฉันสามารถนึกไปถึงได้ว่ามันคือตัวฉัน..แต่เมื่อฉันได้เติบโตอยู่ในโลกที่บรรจุด้วยสิ่งมีชีวิตต่างๆ...ฉันจึงรู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังเจออยู่บางคนก็รูปร่างเหมือนมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์อสูร บางครั้งได้พบปะพูดคุยกับเทพจำเป็น เทวดาจำแลง ปีศาจคาบคัมภีร์ ผู้ดีในป่ามายา บนจักรวาลที่แวดล้อมไปด้วยผู้คนที่ต่างสะสาร ธรรมชาติที่ต่างหน้าที่และความเปลี่ยนแปรงที่ไม่เคยมีใครเดาความหมายได้

ฉันจึงได้ตระหนักรู้ว่าในโลกที่ฉันอยู่นี้เคลื่อนที่ด้วยความคิด เต็มไปด้วยการปฏิเสธหรือตอบรับอย่างมักง่ายมากไปด้วยความผิดพลาดที่ตัดสินด้วยความคิดพื้นฐานและอัดแน่นไปด้วยการคาดเดาจากตรรกะที่ไร้น้ำหนัก

ฉันจึงต้องเปลี่ยนแปรงความคิดตัวเองให้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ฉันได้เจอด้วยส่วนผสมแตกต่างที่ฉันมี ดึงในส่วนที่ดีและไม่ดีมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเพื่อฉันจะได้หลุดจากการครอบงำของอิทธิพลทางความคิดและกฎของกาลเวลา..แท้ที่สุดแล้วก็คือฉันกำลังปรับจากอสรพิษที่มีอยู่ในตัวฉันแปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเซรุ่มเพื่อรักษานั่นเอง

เนื่องด้วยเหตุผลที่ฉันไม่เคยนิยมชมชอบส่วนผสมที่เป็นอสูรในตัวฉัน..ฉันจึงใช้เวลาที่ว่างและเหลืออยู่ในชีวิตของฉันศึกษาเข้าไปในจิตของตัวเองเพื่ออยากหลุดพ้นจากความสงสัยต่างๆนาๆที่เคยมี และในอีกหนึ่งความประสงค์ก็เพื่อเข้าไปเสาะหาคำตอบที่อยู่เหนือคำว่าแก้ตัวเอาออกมาบอกกับผู้คนทั้งหลายให้เข้าใจในตัวฉันอย่างแท้จริงสักทีว่าแท้จริงแล้วตัวฉันคือใครเป็นยังไง..

แล้วฉันก็ได้ค้นพบว่าในตัวของฉันไม่ได้มีส่วนผสมใดๆอย่างที่ฉันเข้าใจในตอนแรก แต่แท้ที่จริงแล้วจิตวิญญาณของฉันต่างหากทีมันมีอยู่สองดวง คือ...จิตวิญญาณดวงที่เป็นมนุษย์และอีกดวงหนึ่งเป็นจิตวิญญาณของสัตว์ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ฉันเข้าใจในตอนนี้ว่ามันคือตัวฉัน ณ.ขณะนี้

ในสภาวะที่ไม่มีแรงกดดันจิตวิญญาณของสัตว์ในตัวฉันมันจะไม่มีฤทธิ์เดชและแสดงอำนาจอะไรออกมาแต่ถ้าหากเวลาใดที่ฉันถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวฉันก็จะกลายร่างเป็นสัตว์ในทันทีซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้ฉันรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมากในตอนนี้และก็ยังไม่เคยค้นพบวิถีทางแห่งการหลุดพ้นหรือวิธีการอันแท้จริงที่จะหยุดมันได้

จะพอมีบ้างมันก็ยังเป็นแค่เพียงทฤษฎีอันบางเบาที่คอยหล่อเลี้ยงความกลัวของฉันไม่ให้มันลุกลามเท่านั้นเองและทฤษฎีอันบางเบานี้เองที่มันเป็นมายาคติสร้างความงมงายให้ผู้คนที่ไม่รู้จักตนเองต้องวนเวียนอยู่ในวัฎมายา แห่งความคิดของตนอยู่ต่อไป



                                                                                          ...วัคซีน...