วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

~คนเช็ดเงา~



ใครหรือจะบอกความแตกต่างของนรกกับสวรรค์ใครหรือจะแยกฟ้าครามออกจากความทุกข์
ใครหรือจะอ่านรอยยิ้มภายใต้ผ้าคลุมนั้นได้
....
...
...
เราคือวิญญาณหลงทางที่ยังเวียนว่ายอยู่ในที่เดิมๆ
ว่ายวนไปปีแล้วปีเล่า กระหายในสิ่งที่กำลังจะมา โหยหาหนทางเพื่อจะผ่านไป
คำปลอบใจลมๆแล้งๆเมื่อชีวิตต้องเปลี่ยนแปลง
ก็เหมือนกับเศษเถ้าธุลีที่มอดไหม้อยู่กับหมู่มวลดอกไม้
เวลาของเราทุกวินาทีที่มีจะขอแลกเปลี่ยนกับภูติผีในความมืดมนได้หรือเปล่า
...
เมื่อเรามองหาหนทางออกก็ต้องบอกกับตัวเองว่าเจ็บตรงไหน
และไม่มีใครจะรักษาความรู้สึกตรงนั้นให้ได้หากว่าตอนนี้เราปิดล็อกมันเอาไว้
"ความโหดร้ายของความเจ็บปวด"
คือมันมักจะค้นหาหนทางและเข้ามาอยู่ในที่เดิมๆของมันเสมอๆ
และเมื่อมันค้นหาที่ของมันเจอก็อยู่ที่ตัวเราเองเท่านั้น
ว่าจะยอมปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้นตลอดกาลไหม
เราให้คำสัญญากับตัวเองไว้หรือ
"ว่าจะรักษามันไว้"
...
จงปล่อยให้ใจขับออกไปหาคำตอบของปริศนา
ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรเราก็ต้องฝ่ามันไป
ทั้งในกลางคืนที่มีดวงจันทร์ และในกลางวันที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องบนพื้นหญ้า
ชัยชนะและบาปมันก็เป็นแค่เรื่องของเวลา
อย่ายอมให้มันฉีกทึ้งสิ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ฝังอยู่ข้างใน
แล้วได้แต่ยืนเฝ้ามองกองเศษซากความฝันที่แหลกสลายอยู่แทบเท้ากับพื้น
...
อย่าหลับฝันผ่านโมงยามที่รัศมีแสงได้มอดไหม้ผ่านเส้นทางของเราเมื่อยามตื่น
เพราะฟ้ายามเช้าทุกวันยังคงมาตรงเวลา มีแต่ฟ้าของเราเท่านั้นที่ยังสาย
หากมัวแต่หลับฝันไปยันบ่าย แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้เห็นแสงของตะวันรุ่ง
อย่ายอมอยู่ในกรงขังเพราะที่นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
และอย่าให้ในการเปลี่ยนเป็นเช่นการสืบต่อหน้าที่ของตะวัน
ที่มารับช่วงของพระจันทร์ยามค่ำคืน
เพราะในการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นไม่ได้ทำให้สิ่งอื่นใดเปลี่ยนไปเลย
...
เมื่อวิญญาณถูกขังอยู่ในคุกริมทะเล
มีภาพคือดวงจันทร์เป็นฝาผนังบนผืนสมุทธ
และเงาสะท้อนได้เผยให้เห็นรอยเท้าบนผืนทราย
เราจะยอมเดินเข้าสู่สงครามเพื่อการได้เป็นผู้นำในกรงขังไหม
?????????
หุบเขาที่สะท้อนแสงทองลงผืนน้ำ
เปรียบได้ดั่งชีวิตแรกที่เพรียบพร้อมงดงามดั่งงานศิลป์
ประดับดาด้วยความรักไม่มีวันตายไร้ที่ติ
เอนกายอยู่ในแดนสวรรค์ ล้อมด้วยความยุติธรรมและขนนกสีขาว
...
ล้านหัวใจกำลังขีดเขียนเรื่องราวของตัวเองลงบนถนนสายนั้น
ที่ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์กำมะลอ ทำนองของชีวิตเป็นดั่งสัจธรรม
ความจริงเพียงลำพัง มิอาจเอาชนะเปลวไฟอันโชติช่วงได้
แต่มันก็ไม่ได้ผิดเสมอไป จงเต้นรำให้หัวใจได้รู้สึกหวานฉ่ำไปกับมัน
เผือว่าสักวันจังหวะความฝันของเราจะลงตัว
...
สิ่งที่แย่ที่สุดคือความฝันที่ล่องลอยออกจากสิ่งที่ควรเป็นและทำให้ฝันไม่ได้อีกต่อไป
ชีวิตไม่ง่ายดายเกินไปที่จะเดินผ่านมามาผ่านไปโดยไม่เหลียวแล
จงหันหลังให้กับสิ่งที่เกือบรัก ตัดใจจากฝันที่อับโชค
โบกมือลากับสิ่งที่ไร้หวัง เพราะนั่นมีแต่จะทำให้ปวดใจ
และหากจิตใจต้องแหลกสลาย เรามิอาจทำให้มันลบเลือนหายไปกับน้ำทะเล
หรือเร้นกายซ่อนไว้ภายใต้ท้องถนน
ทุกๆความรู้สึกยังคงเวียนวน ในอารมณ์ทุกข์ทนแม้ทุกเช้าค่ำก็ยังหลอน
...
โลกนี้มีความฝันหลากหลายสี พ่นเรี่ยรายบนท้องฟ้า
ผู้สร้างฝันคือผู้ที่ย่ำเท้าไปกับพื้นถนนจนไม่มีคราบน้ำตา
ภาวนาให้ชัยชนะคือความรักที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า
แต่ก็ไม่ใช่ชั้นดาวดึงหรอกนะที่ถวิลหา
เพียงแต่ขอเห็นแสงดาวไม่อยู่ห่างไกลจากสายตา
และท้องฟ้าอย่าร้างไร้สิ้นแสงแห่งตะวันเพียงแค่นั้นก็สุขพอ!!
...วัคซีน...

3 ความคิดเห็น:

ChalongchaiBlog กล่าวว่า...

เปนกำลังใจแก่เธอเสมอ

วัคซีน กล่าวว่า...

อาจารย์ ขอบคุณค่ะ ซ่าขอโทษนะคะที่ก้าวร้าวอาจารย์ :)

Noraset Vaisayakul กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ