วิสัยทัศน์ที่กว้างเกินไปจะทำให้เกิดเส้นแบ่งระหว่างตัวเองกับโลก
“นั่นคือสิ่งที่เธอมองเห็นจากที่สูง”
...แม้ตรงนั้นจะไม่มีอะไรอยู่เลยแต่ก็ยังรู้สึกถึงความสวยงามได้…..
แต่เธอรู้ไหมภาพที่เธอมองเห็นจากที่สูง คือ อะไร??
แรงกระตุ้นนั้นเมื่อได้มองเห็นโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่จากเบื้องบน
ความรู้สึกรุนแรงถึงแม้เธอจะพยามปฏิเสธมัน
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อมองลงมาจากที่สูง คือ ความรู้สึก
"ห่างไกล"ไง
สายตาที่เธอใช้ มองบอกความจริงอะไรไม่ได้
ไม่มีประสบการณ์ใดที่เกิดจากความรู้สึกว่าเหมือนจริงคือความจริง
เธอจงอย่าปล่อยให้ความคิดขัดแย้งกับการใช้ชีวิตจนทำให้เกิดความสับสนจนเสียสมดุล
ถึงการมองเห็นจะอยู่ในกรอบของสามัญสำนึกและเธอก็หลุดออกจากกรอบนั้นไม่ได้
แต่สิ่งที่สมองเธอเข้าใจต่างหากล่ะที่บอกว่าเธอควรมีชีวิตอย่างไร
....
การคิดว่าโลกที่เธอมองเห็นโลกที่เธออาศัยอยู่เป็นโลกกว้างแทนที่จะเป็นโลกแคบๆนั้นถูกต้องแล้ว
แต่เธออย่าได้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวอยู่เลยเมื่อต้องอยู่บนโลกกว้าง
อย่ามองเห็นว่าโลกกว้างจนหาที่อบอุ่นไม่ได้
ตรงไหนที่รู้สึกว่ากว้าง ว่างเปล่าตรงนั้นจงให้ความรู้เข้ามาแทนที่ความมีเหตุและผล
สามัญสำนึกเหมือน"ของเทียม"จิตสำนึกคือ"ของแท้"
ของเทียมนั้นแม้จะทำให้เหมือนจริงแค่ไหน
แต่ถ้าหากไม่มีจิตวิญญาณเป็นตัวขับเคลื่อนแล้วมันก็เป็นได้แค่ภาชนะที่ว่างเปล่า
อย่าทำให้บันทึกในช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่ไหลตามเวลาในกาลปัจจุบันไม่ทัน
และจงให้เวลายืดอยู่กับความทรงจำของผู้คนเหมือนควันที่ไม่หายไปในทันทีแม้ไฟจะดับไปแล้วก็ตาม
....
เธอทุกคนสามารถแสดงความรู้สึกได้เท่าแค่ที่เธอมีอยู่
แต่เธอทุกคนกลับเรียกสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยมานะและความพยายาม
ว่าเป็นเรื่องของ"โชคชะตา"
แล้วเธอทุกคนก็ต่างไขว่คว้าหาโชคชะตาในความรัก
แต่ยิ่งความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก เท่าไหร่ก็ยิ่งถูกโชคชะตาครอบงำมากขึ้นเท่านั้น
เธอทุกคนจะคิดบ้างไหมว่าถ้าหากโชคดีหรือโชคร้ายบนโลกนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา
โชคชะตาเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
เธออย่าลืมว่า ผลสะท้อนอย่างรุนแรงเป็นเหมือนตั๋วเดินทางอันไร้เที่ยวกลับ
จุดหมายปลายทางของมันหากไม่ใช่สวรรค์สิ่งนั้นก็คือนรก
ถ้าหากความกลัวของเธอกลายเป็นแสงแรกที่ลุกโชติช่วง
เมื่อนั้นโชคชะตาของเธอก็ได้ถูกปิดตายลงแล้ว
....
ยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดเธอจะเห็นอะไรหรือ???
หากหันหลังให้ดวงอาทิตย์ก็ได้เห็นแค่เงาตน
แต่ถ้าเธอเงยหน้าให้ดวงจันทราเมื่อแสงส่องมาเธอก็จะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร
....
ความคิดในเธอทุกคนแม้แต่ในภวังค์ก็ยังไม่เลือนหาย
ถ้าเธอแค่เพียงสามารถลืมเลือนทุกสิ่งได้
เธอก็จะยืนหยัดได้อีกครั้ง
และถ้าโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในสักวันหนึ่ง
ระหว่างที่เธอกำลังหลงทางและไขว้เขว
เธอก็จะไม่มีวันหยุดนิ่ง
แม้ชีวิตของเธอจะแปดเปื้อนและแสงสว่างก็ถูกพรากไป
เหลือไว้แต่เพียงความวิปริตในแววตา
เธอก็จะไม่มีวันหลงเชื่อสิ่งที่ได้มาโดยปราศจากคำลวง
จงส่งความรู้สึกที่เธอต้องการวาดฝันออกไป
จากความมืดมิดสู่แสงสว่างอย่างเช่นอาทิตย์อัศดง
เพื่อสักวันหนึ่งเธอจะเข้มแข็งขึ้น
ในความใสกระจ่างของท้องฟ้า ยามราตรี
ภายใต้รัศมีของจันทราที่สาดส่อง
ทุกวันขอให้เธอจงเฝ้ามองความงดงามจากตรงนั้นเคลิบเคลิ้มหลงไหลไปกับมัน
และแม้จะต้องอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวภายใต้แสงของพระจันทร์
ไม่มีแม้ใครสักคนเรียกหาชื่อของเธอ
จำไว้ว่าอย่าท้อจนหยุดฝันจงไขว่คว้าหามัน “ความฝันในอนาคต”
เมื่อยามที่เธอไม่เหลือสิ่งใดให้ยึดไว้และไขว่คว้า
จงปล่อยให้สายลมพัดผ่านกาลเวลาแล้วทุกอย่างจะค่อยๆเคลื่อนไหว
อย่าไปหวนรำพึงถึงมัน “สิ่งที่ผ่านพ้นไป”
ปล่อยให้หัวใจได้ล่องลอยไปหาแค่ความฝัน
"ภายใต้แสงของพระจันทร์ให้มีเพียงชื่อเธอและความฝัน
สลักฝากไว้กับจันทรา"
...วัคซีน...