วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

~อยู่ในใจ แต่ไกลกัน~(ความฝัน)



วิสัยทัศน์ที่กว้างเกินไปจะทำให้เกิดเส้นแบ่งระหว่างตัวเองกับโลก
 “นั่นคือสิ่งที่เธอมองเห็นจากที่สูง” 
...แม้ตรงนั้นจะไม่มีอะไรอยู่เลยแต่ก็ยังรู้สึกถึงความสวยงามได้…..

แต่เธอรู้ไหมภาพที่เธอมองเห็นจากที่สูง คือ อะไร??
แรงกระตุ้นนั้นเมื่อได้มองเห็นโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่จากเบื้องบน 
ความรู้สึกรุนแรงถึงแม้เธอจะพยามปฏิเสธมัน
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อมองลงมาจากที่สูง คือ ความรู้สึก "ห่างไกล"ไง 
สายตาที่เธอใช้ มองบอกความจริงอะไรไม่ได้ 
ไม่มีประสบการณ์ใดที่เกิดจากความรู้สึกว่าเหมือนจริงคือความจริง 
เธอจงอย่าปล่อยให้ความคิดขัดแย้งกับการใช้ชีวิตจนทำให้เกิดความสับสนจนเสียสมดุล
ถึงการมองเห็นจะอยู่ในกรอบของสามัญสำนึกและเธอก็หลุดออกจากกรอบนั้นไม่ได้
 แต่สิ่งที่สมองเธอเข้าใจต่างหากล่ะที่บอกว่าเธอควรมีชีวิตอย่างไร
....
การคิดว่าโลกที่เธอมองเห็นโลกที่เธออาศัยอยู่เป็นโลกกว้างแทนที่จะเป็นโลกแคบๆนั้นถูกต้องแล้ว
แต่เธออย่าได้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวอยู่เลยเมื่อต้องอยู่บนโลกกว้าง
 อย่ามองเห็นว่าโลกกว้างจนหาที่อบอุ่นไม่ได้ 
ตรงไหนที่รู้สึกว่ากว้าง ว่างเปล่าตรงนั้นจงให้ความรู้เข้ามาแทนที่ความมีเหตุและผล
 สามัญสำนึกเหมือน"ของเทียม"จิตสำนึกคือ"ของแท้" 
ของเทียมนั้นแม้จะทำให้เหมือนจริงแค่ไหน
แต่ถ้าหากไม่มีจิตวิญญาณเป็นตัวขับเคลื่อนแล้วมันก็เป็นได้แค่ภาชนะที่ว่างเปล่า
อย่าทำให้บันทึกในช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่ไหลตามเวลาในกาลปัจจุบันไม่ทัน
  และจงให้เวลายืดอยู่กับความทรงจำของผู้คนเหมือนควันที่ไม่หายไปในทันทีแม้ไฟจะดับไปแล้วก็ตาม
 ....
เธอทุกคนสามารถแสดงความรู้สึกได้เท่าแค่ที่เธอมีอยู่ 
แต่เธอทุกคนกลับเรียกสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยมานะและความพยายาม ว่าเป็นเรื่องของ"โชคชะตา"
  แล้วเธอทุกคนก็ต่างไขว่คว้าหาโชคชะตาในความรัก
 แต่ยิ่งความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก เท่าไหร่ก็ยิ่งถูกโชคชะตาครอบงำมากขึ้นเท่านั้น
เธอทุกคนจะคิดบ้างไหมว่าถ้าหากโชคดีหรือโชคร้ายบนโลกนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา 
โชคชะตาเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
เธออย่าลืมว่า ผลสะท้อนอย่างรุนแรงเป็นเหมือนตั๋วเดินทางอันไร้เที่ยวกลับ 
จุดหมายปลายทางของมันหากไม่ใช่สวรรค์สิ่งนั้นก็คือนรก 
ถ้าหากความกลัวของเธอกลายเป็นแสงแรกที่ลุกโชติช่วง
เมื่อนั้นโชคชะตาของเธอก็ได้ถูกปิดตายลงแล้ว
....
ยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดเธอจะเห็นอะไรหรือ???
หากหันหลังให้ดวงอาทิตย์ก็ได้เห็นแค่เงาตน
 แต่ถ้าเธอเงยหน้าให้ดวงจันทราเมื่อแสงส่องมาเธอก็จะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร 
....
ความคิดในเธอทุกคนแม้แต่ในภวังค์ก็ยังไม่เลือนหาย
ถ้าเธอแค่เพียงสามารถลืมเลือนทุกสิ่งได้ เธอก็จะยืนหยัดได้อีกครั้ง
และถ้าโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในสักวันหนึ่ง 
ระหว่างที่เธอกำลังหลงทางและไขว้เขว เธอก็จะไม่มีวันหยุดนิ่ง 
แม้ชีวิตของเธอจะแปดเปื้อนและแสงสว่างก็ถูกพรากไป
เหลือไว้แต่เพียงความวิปริตในแววตา เธอก็จะไม่มีวันหลงเชื่อสิ่งที่ได้มาโดยปราศจากคำลวง
 จงส่งความรู้สึกที่เธอต้องการวาดฝันออกไป
จากความมืดมิดสู่แสงสว่างอย่างเช่นอาทิตย์อัศดง 
เพื่อสักวันหนึ่งเธอจะเข้มแข็งขึ้น
 ในความใสกระจ่างของท้องฟ้า ยามราตรี ภายใต้รัศมีของจันทราที่สาดส่อง
ทุกวันขอให้เธอจงเฝ้ามองความงดงามจากตรงนั้นเคลิบเคลิ้มหลงไหลไปกับมัน 
และแม้จะต้องอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวภายใต้แสงของพระจันทร์
ไม่มีแม้ใครสักคนเรียกหาชื่อของเธอ 
 จำไว้ว่าอย่าท้อจนหยุดฝันจงไขว่คว้าหามัน “ความฝันในอนาคต”
 เมื่อยามที่เธอไม่เหลือสิ่งใดให้ยึดไว้และไขว่คว้า
จงปล่อยให้สายลมพัดผ่านกาลเวลาแล้วทุกอย่างจะค่อยๆเคลื่อนไหว 
อย่าไปหวนรำพึงถึงมัน “สิ่งที่ผ่านพ้นไป”
ปล่อยให้หัวใจได้ล่องลอยไปหาแค่ความฝัน
"ภายใต้แสงของพระจันทร์ให้มีเพียงชื่อเธอและความฝัน สลักฝากไว้กับจันทรา"

...วัคซีน...