วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

~The beauty side of my fault~2


           ก่อนจะหาเพื่อนใหม่ก็ต้องเรียนรู้การผูกมิตรกับคนอื่น แต่ฉันไม่มีเพื่อนเลยสักคน   นั่นก็เป็นเพราะผลกระทบจากความถังแตกของตัวเอง ความถังแตกส่งผลให้เกิดโรคทุกข์ทนที่ติดเชื้อมาจากความตกอับจนน่าอับอายโรคนี้นอกจากจะทำให้ฉันเป็นคนต่อต้านสังคมแล้วมันยังทำให้เพื่อนฝูงญาติมิตรรังเกียจขึ้นมาโดยฉับพลันด้วย  คล้ายดังว่าฉันอาจเป็นตัวอันตรายวินาทีนี้ควรอยู่ห่างๆ ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าแท้จริงเค้ากลัวการติดต่อของโรคหรือเปล่าเพราะมันก็ไม่ใช่โรคที่ติดต่อกันได้ทางลมหายใจสักหน่อย หรือว่าเค้าอาจกลัวฉันจะติดต่อขอยืมเงินกันก็เป็นได้ ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาของชีวิตที่โบราณเค้าบอกว่าทุกข์ซ้ำกรรมซัดนัยทางปรัชญาเรียกว่าการปรากฏซ้ำของความซวย ซึ่งก็คือเหตุการณ์จากสองสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน In the same time เวลานี้นี่เองที่ความเจ็บใจเจ็บปวดเดินทางมาเยือนเกือบทุกลมหายใจ  ใครจะรู้มาก่อนว่ามันจะจัดหนักเป็นมาราธอนเลยทีเดียว

            ไม่เป็นไรถึงจะเจ็บปวดเราก็ควรจะมีชีวิตต่อมิใช่เหรอ ฉันบอกกับตัวเอง และแล้วก็หันหน้าเข้าหา.......ฮ่าๆๆไม่ใช่สัจธรรมหรอกโลกไซเบอร์อย่างเต็มตัวต่างหาก ฉันเริ่มเขียนและเกรียนเพื่อระบาย ตัวหนังสือกับตัวฉันสื่อสารถึงกันผ่านการถอนหายใจและมีสายใยแก้วความเร็วระดับปานกลางประมาณ3.0กิ๊กกะไบค์รองรับความอัตคัดอัดอั้น  ฉันมีผู้สนับสนุนความเศร้าความน่าเบื่อด้วยนะ เมื่อฉันเข้าไปโลดแล่นอยู่ในเว็ปไซค์หนึ่งอยู่หลายสัปดาห์จากนั้นเราก็จะนัดพบกันทุกวันไม่นัดหมายเวลา ฉันเริ่มเขียนบล็อกระบายความเป็นตัวเอง เขียนสิ่งที่รู้สึก เขียนสิ่งที่เจอ เขียนเรื่องโง่ๆที่ทะเลาะกับคนในอวกาศ บ้าไปแล้ว
 
แต่คุณรู้ไม๊ในความบ้า ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไป ฉันเริ่มเจอผู้คนในโลกที่เสกขึ้นมาจากอากาศธาศ ฉันจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยไม่รอคำว่าโชคชะตาดีมาเคาะประตูหน้าบ้าน มีอย่างเดียวในโลกนี้ที่ฉันไม่ศรัทธาก็คือการรอ เพราะฉันคิดว่าการรอมันน่าจะเป็นกิจกรรมเฉพาะที่สงวนไว้ให้กับผู้ที่อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิตมากกว่า แต่สำหรับคนธรรมดาแล้วมันเป็นกิจกรรมที่โง่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
 
ก็ไม่รู้สินะฉันคิดว่าคนทุกคนสามารถแสดงความรู้สึกและความสามารถได้เท่าแค่ที่เรามีอยู่ และฉันก็ไม่เรียกสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยมานะและความพยายาม ว่าเป็นเรื่องของ"โชคชะตา"หรอกเพราะถ้าหากฉันปล่อยให้ความกลัวของฉันกลายเป็นแสงแรกที่ลุกโชติช่วงซะแล้วล่ะก็ความสัมพันธ์ของฉันกับความกลัวก็จะยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้นและสุดท้ายมันก็คงครอบงำฉันไปตลอดกาล  คุณคิดเหมือนกันหรือเปล่าว่าถ้าหากโชคดีหรือโชคร้ายบนโลกนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา โชคชะตาเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน  ฉันไม่ปล่อยให้ความโชคร้ายมาตีตั๋วเดินทางเที่ยวเดียวอันไร้เที่ยวกลับแน่ เพราะฉันไม่อยากให้โชคดีของฉันถูกปิดตายลง 

 'แต่รถไฟขบวนสุดท้ายของเที่ยวนี้จะวิ่งไปไหนต่อไปล่ะ  โปรดติดตามตอนต่อไปนะ'

 

...วัคซีน...
 

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

~The beauty side of my fault~ 1

ช่วงเวลาแห่งความล้มเหลว5ปีที่ผ่านมาของขีวิต  ฉันใช้ขีวิตอยู่แต่ในบ้านใช้เวลาอยู่คนเดียวไม่พบปะผู้คนไม่ยอมพูดจากับใคร  จนทุกคนลงความเห็นว่าฉันเป็นบ้า เป็นโรคซึมเศร้า เป็นคนอกหักเป็นคนแปลกมีพิรุธ เป็นคนขายยา ติดยา หรืออะไรก็แล้วแต่ต่างๆนาๆในกระบวนการคิดของบุคคลอื่นซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคิดออกมาได้ ฉันใข้เวลาอยู่ในบ้านหลังนั้นที่ผู้คนสงสัย ใช้เวลาอยู่กับการอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำๆวนไปเวียนมา ทำสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้เพราะมันอยู่ในความคิด  ฉันอุทิศเวลาที่เหลือเฟือทางกายภาพซึ่งเป็นเวลาอันไร้ค่าทางเศรษฐกิจของฉันให้กับการคิดเสียเกือบทั้งหมด
                มีบ้างบางเวลาที่ฉันปลีกตัวออกไปซุกซนอยู่ในโลกออนไลน์ ตามเว็ปไซด์ต่างๆหรืออะไรก็ตามที่ใข้เพียงแต่จินตนาการในการเข้าถึงชีวิตของฉันและชีวิตอื่นๆบนโลกไซเบอร์ใบนั้น สิ่งต่างๆเหล่านี้มักจะสั่งสมอารมณ์การอยู่คนเดียวของฉันให้ยิ่งเพิ่มพูลมากขึ้นทุกวัน แต่ในความเป็นจริงใครจะรู้ว่าอารมณ์ซึมเศร้าของฉันมิใช่ความบ้า แต่มันคือผลข้างเคียงของโรคต่อต้านสังคมมากกว่า เมื่อเกิดสภาวะผิดพลาดซ้ำๆกับชีวิตฉันจึงเลือกที่จะงดและหยุดการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมลงโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าความเหงา เศร้า อยากตายในบางครั้ง มันก็เกิดจากผลข้างเคียงแห่งอารมณ์ผิดหวังแทบทั้งนั้นเมื่อเวลาที่ชีวิตได้จ่มดิ่งอยู่ในอารมณ์โดดเดียวอย่างรุนแรง
            และแม้การลงโทษตัวเองอย่างเบ็ดเสร็จด้วยสภาวะกดดันตัวเองจะทำให้ฉันเป็นบุคคลที่ได้ชื่อทางสังคมว่า ป่วย บ้า หรืออะไรก็แล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวตนอันแท้จริงของฉันนั้นหายไป ถ้าเป็นคุณล่ะ คุณจะเลือกทำตัวเองให้ บ้า ป่วย หรือเหลวแหลกเพื่อสนับสนุนกลุ่มความคิดของบุคคลอื่นไหมล่ะ ชีวิตฉันก็ตลกขบขันมากแล้วตอนนี้ฉันจึงไม่เสพอารมร์นั้น  แน่นอนว่าแม้ฉันจะมีอารมณ์ตรงข้ามกับคนอื่นแต่ในความคิดของฉันก็ย่อมคิดว่าผู้ที่มองว่าฉันบ้าเค้าก็คงมีความป่วย และเค้าก็สนับสนุนจิตด้านที่ป่วยไข้ของตัวเองอย่างสุดกู่เช่นกัน ก็นั่นน่ะซินะก็ฉันคิดว่าทุกอย่างมักเกิดจากปัญญานึกคิดด้วยกันทั้งนั้น
            คุณรู้ไม๊ว่าบนโลกของเราตอนนี้มีตัวละครที่ป่วยด้านสมองและจิตใจหลากหลายระดับมาโลดแล่นและทำงานอยู่ คุณไม่อาจรู้เลยว่าตัวเองป่วยอยู่ในระดับใด และคุณก็มิอาจรู้เลยว่าความป่วยทางสมองและจิตใจมันจะต้องใช้กลุ่มยาตัวใดเข้ารักษา และทุกครั้งที่เกิดเหตุสลดขึ้นในสังคมนั้นก็คืออาการกำเริบสืบสานของเชื้อโรคความป่วยนั้นที่มันแฝงตัวอยู่แล้วก็หมุนเปลี่ยนสับเวียนกันมาปรากฎตัว J
            เอาล่ะที่นี้ในฐานะที่เรา คือคุณ และฉันเป็นผู้อยู่รอดในโลกแห่งความป่วยไข้บ้าๆและยังไม่ถูกสังคมจับได้ว่าบ้าหรือป่วยแค่ไหน เรามานั่งล้อมวงฟังนิทานเรื่องเศร้าๆจากชีวิตที่ถูกบ่มด้วยความขมขื่นซ้ำไปซ้ำมาเป็นล้านครั้งกันดีกว่า ฉันเป็นผู้หญิงหัวเดียวกระเทียมลีบจริงๆและดำรงชีวิตอยู่ด้วยความรู้ที่มีแบบจำกัดจำเขี่ยอยู่กับความฟุ้งเฟ้อแห่งความฝันทั้งที่แท้จริงแล้วแค่ว่าจะพาตัวเองไปให้รอดถึงวันพรุ่งนี้ได้อย่างไรก็ยังไม่รู้เลย ฉันมียีนต์แห่งความทะเยอทะยานแบบที่ว่าแม้ใช้โลกทั้งโลกมาห่อความฝันฉันไว้ก็ยังไม่พอเอาเสียเลยเป็นคนที่อาจพูดได้ว่าแม้ไม่มีปีกก็อยากจะบินน่าตลกจริงๆใช่ไม๊ แต่คุณอย่าเพิ่งตลกและดูถูกความฝันเลยนะ
เพราะฉันกำลังจะบอกคุณว่าเพราะความฝันทำให้ฉันประสบความสำเร็จในชีวิตหลายครั้งด้วยความฝันที่ฉันตั้งไว้แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และทุกครั้งฉันก็เดินไปถึงเป้าหมายนั้นอย่างงงๆ รู้อีกทีโอ้นี่ฉันทำได้แล้วนี่ที่เคยฝันไว้แต่มันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆทุกครั้งที่ฉันได้มีโอกาสชื่นชมกับความสำเร็จเหมือนกับพระเจ้าทรงโปรยกลื่นอโรม่ามาประทินจิตใจให้รู้สึกผ่อนคลายแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นก็สาบส่งให้ลงไปอยู่ในบ่อน้ำอำมหิตให้แหวกว่ายอยู่ในอารมณ์ทดท้อซึมเศร้าและบ่อน้ำอันนี้นี่เองเมื่อเวลาที่ฉันจมลงไปจนถึงก้นบึ้งมันจะได้ความรู้สึกเหน็บหนาวจนตัวชาอยู่ในสภาวะที่ไร้สมรรถาพทางปัญญาอย่างสิ้นเชิง คือการจำนนต่อความพ่ายแพ้ชีวิตโดยดุษฎีมิมีข้อกังขา

            แต่ฉันไม่ปล่อยให้ฝูงอวตารความท้อแท้ฝูงใหญ่มาตั้งรกรากอยู่ในจิตใจฉันได้ยาวนานหรอกนะ เพราะฉันเป็นคนเบื่อง่ายเมื่อฉันสนิทกับความเศร้าเมื่อเราเจอหน้ากันทุกวัน เมื่อมันนำพาจิตใจฉันไปบนทางที่งี่เง่าทุกขณะจิตฉันก็เริ่มวางแผนถอดถอนมันออกจากใจฉันทันที  ฉันรู้ว่าฉันต้องหาเพื่อนใหม่ ยังไงนะเหรอ โปรดติดตามตอนต่อไป J   

...วัคซีน...