วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

อย่าหาความต้องการในสิ่งที่ไม่มี

    
     ขอบเขตที่สิ้นสุดของน้ำ ก็คือที่ ที่ไม่มีน้ำ ฉะนั้นมนุษย์ทุกคนเมื่อรู้ตัวว่าไปต่อไม่ไหวทำไมคุณยังฝืน ทำไมยังดันทุรังควาญหาหายนะให้กับตัวเองและบุคคลอื่นอยู่ร่ำไป ธรรมชาติย่อมมีกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ และมนุษย์ก็สมควรเดินตามนั้นเมื่อแก้ไขสิ่งใดไม่ได้ก็จงยอมรับในระบบที่เป็นอยู่เสีย จะมีประโยชน์อะไรที่จะดื้อรั้นต่อสู้ไปเพื่อหาสิ่งที่ไม่มี..


      คนเราเมื่อมีแรงปราถนาเกิดขึ้น สติและและความคิดก็จะพลุ่งพล่านสับสน เมื่อมีความคิดสับสน ตัณหาก็จะเพิ่มพูน เมื่อตัณหาเพิ่มพูนขึ้น กิเลสก็จะมีอำนาจเหนือปัญหา เมื่อกิเลสชนปัญหา ก็จะทำให้ไม่รู้จักตริตรอง ไม่สามารถเอาชนะใจตนและภัยพาลได้ ดังนั้นกิเลสจึงเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ

     มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพของพลังสร้างสรรค์และทำลายในระดับที่เท่าเทียมกัน เพราฉะนั้นปัญหาจะเกิดขึ้นหรือจะสิ้นสุดลงได้ก็เพราะอารมณ์ปราถนาของมนุษย์เท่านั้น เพราะฉะนั้นมนุษย์ทุกคนที่มีชีวิตเป็นตัวเป็นตนมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้เท่านั้นที่จะเลือกได้ว่าจะใช้ศักยภาพด้านไหนของตนเป็นแรงผลักดันให้โลกและสังคมเดินหน้าต่อไป

    มนุษย์หลายคนเชื่อว่าถ้าหากขาดความฝันก็เท่ากับขาดเสียซึ่งเครื่องมือในการควบคุมจัดการทำสิ่งต่างๆ แต่หากความฝันนั้นไม่เคยมีอยู่จริง หากเป็นเพียงสิ่งที่ลวงจิตเมื่อยามเราหลับฝันเท่านั้น มนุษย์ยังจะต้องทำตามความฝันนั้นอยู่อีกหรือ

    ความฝันเป็นแค่เครื่องมือ เป็นแค่สิ่งลวงตาในบางครั้ง เป็นแค่สิ่งที่มากระตุ้นให้อารมณ์นำพาไปหาสิ่งที่ต้องการ แต่ความฝันไม่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้เลยเมื่อมีภัย

.......

     ในโลกนี้อาจมีผู้ที่ไร้ซึ่งสติปัญญาอยู่บ้าง แต่จะไม่มีที่ใดเลยที่จะไม่มีมนุษย์ที่ไร้ซึ่งแรงปราถนา และโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นโดยแท้จริงแล้วก็ยังไม่สามารถปฏิเสธความปราถนาของตนเองได้ ปัญหาจึงมักเกิดจากการที่มนุษย์ไม่มีสติ ไม่อาจบังคับควบคุมอำนาจฝ่ายต่ำของตนเองไว้ได้

    ความปราถนาใฝ่ฝันถึงมันจะเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไป แต่มันก็ควรอยู่ในกรอบของความพอดี ความปราถนาไฝ่ฝันไม่ควรมีเยอะเกินไปจนไปกระทบกระเทือนบุคคลอื่น เมื่อถึงจุดที่น่าพอใจเราก็ควรรู้จักพอ

     เมื่อไม่รู้จักข่มกลั้นอดออมความปราถนาของตน ผลบั้นปลายของผู้ที่กำเริบในอารมณ์ปราถนาจึงไม่น่าอภิรมย์นัก ดังแบบที่เราแลเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในเมืองไทย ณ.ขณะนี้ ผู้คนมากมายถูกความปรารถนาใฝ่ฝันลวงล่อ แสดงออกซ้ำๆซากโดยมีอุดมการณ์ลวงตาเสียหายซ้ำๆซากโดยเสนอตัวเองให้เป็นฝ่ายสนับสนุนการแสดงออกซึ่งอารมณ์ปราถนา

      มนุษย์ในเมืองไทยไม่กล้ายอมรับความจริงของตน   ไม่เปิดเผยอารมณ์ปราถนาของตนอย่างตรงไปตรงมา ชอบสร้างภาพข่มเสือหลอกแมวเมื่อต้องการ แสดงอำนาจเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เรียกร้องเมื่อเสียเปรียบ โวยวายข่มขวัญเมื่อถูกกดดัน ทำทุกอย่างได้เท่าที่ตนเองต้องการแต่ไม่เคยทำตามความเหมาะสมไม่เคยทำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น และก็ไม่เคยฝึกฝนให้ธรรมชาติของตนมีใจรักธรรมชาติรักสังคมคิดเผื่อสังคมคิดเผื่ออนาคต



………………………………



..."น้ำและไฟมีพลังแต่ปราศจากชีวิต เหล่าพืชพรรณตินมีชีวิตแต่ปราศจากสติปัญญา นกกาสาราสัตว์แม้จะมีปัญญาความคิดอยู่บ้างแต่ปราศจากเหตุผลและการจัดลำดับ จึงมีแต่มนุษยชาติเท่านั้นที่สมบูรณ์พร้อมและมีศักดิ์ฐานะเหนือสรรพสิ่ง หากมิใช่เหนือกว่ามนุษย์ด้วยกัน...โลกเราไม่ได้ต้องการมนุษย์ที่วิเศษบริสุทธิ์ สังคมของเราต้องการเพียงมนุษย์ที่มีอารมณ์และแสดงออกตามสภาพความเป็นจริงของธรรมชาติทางสังคมได้เหมาะสมเท่านั้น ...สังคมมนุษย์ก็จะมีธรรมชาติความเป็นอยู่ที่ประสานสอดคล้องกันอย่างสมดุลย์"...



...วัคซีน...

ไม่มีความคิดเห็น: