วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คนไทยเป็นอะไรมากมั๊ยกับการกลายพันธ์

   กล่าวถึงการได้เกิดมามีชีวิตเป็นมนุษย์นั้น สำหรับปัจจัยในเรื่องของความความสมบูรณ์แบบ คงไม่มีอะไรที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขเท่ากับการมีชีวิตคู่มีความรักได้อีกแล้ว แน่ล่ะ…ก็เพราะแบบของความสุขประเภทนี้ได้ถูกบัญญัติไว้ให้เป็นหลักสากลศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์ที่ต้องเชื่อในคำภีนั้นว่า “ความสมบูรณ์ของมนุษย์คือการได้มีความรักไว้สืบสายพันธุ์สันดาน”และถ้าหากใครไม่เชื่อในหลักที่บัญญัติมานี้อาจเป็นไปได้ว่าบุคคลผู้นั้นเป็นผู้ที่มีความวิกลจริตทางพันธุกรรม หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าเบี่ยงเบนทางเพศ ภาษาชาวบ้านที่ใช้บ่อยๆคือไม้ป่าเดียวกันและภาษาในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คือ Homosexuality สังคมของบุคคลประเภทนี้ที่ไม่เชื่อแบบความสุขของพระเจ้าเหาเทวดาหมัดที่ว่าไว้ให้เป็นที่สุดแล้ว ยังจะต้องถูกสังคมกล่าวหา+ริษยานิดๆอีกด้วยว่าเป็นพวกที่ทำลายวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตที่ผิดศีลธรรม


    และคำกล่าวหาประเภทนี้เองที่ผลักดันให้ผู้ที่วิกลจริตผิดพันธุกรรมมีชีวิตที่โดดเด่นกว่าคนที่เรียกตนเองว่าคนสมบูรณ์แบบอย่างมากมาย และก็และที่สุด...มันก็ยังเป็นคำกล่าวหาเดียวกันนี้อีกที่เป็นต้นเหตุให้หญิงแท้แบรนด์ไทยต้องอายเวลาที่นางงามชายไทยขึ้นไปคว้ามงกุฎชายงามจักวาลไว้ได้ในขณะที่ตนเองทำไม่ได้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ซึ่งหากจะให้ตั้งหวังคงไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เราจะได้เห็นนางสาวไทยคว้ามงกุฎนางงามจักวาล...ทุกวันนี้เวลาที่ประกวดความงามระดับโลกของคนไทยเลยต้องรอดูเวลาที่นางสาวสองระบบของไทยได้ไปเวทีโลกจะมีลุ้นเป็นที่สุด

และ/ซึ่ง/เมื่อความสัมพันธ์ทางระบบ+การปฏิสัมพัทธ์ที่พลาดระเบียบไม่อยู่ในระบบ จึงเป็นที่มาของปรากฏการณ์ของความหายนะทางจิตที่ผิดระเบียบหรือที่เรียกกันง่ายๆว่าอกหักอย่างไม่มีระบบนั่นเอง
อาการอกหักรักสะดุดนี่ที่จริงแล้วก็เป็นการทำปฏิกิริยาทางจิตที่ถูกทำลายระบบนั่นเอง ซึ่งเมื่อร่างกายทำการสังเคราะห์อาการแล้วก็ได้ผลออกมาเป็นพฤติกรรมต่างๆมีความผิดเพี้ยนกันต่างกรรมต่างอาการ แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นจะไปสัมพัทธ์กับกรรมและบุคลที่มีระบบระเบียบประเภทใด

หากสัมพัทธ์กับพวกจิตผิดเพี้ยนอีกไม่นานจิตก็จะถูกพัฒนาให้ข้ามสายพันธ์จนถึงขั้นอาจได้ตั้งสังคมใหม่ขึ้นมาชั่วคราวเพื่อบดบังความผิดปกติทางจิตที่กำลังวุ่นวายไขว้เขวหากสัมพัทธ์กับพวกจิตไม่มีระบบมากมายผู้นั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางจิตขึ้นก็จะสามารถนำจิตตนเข้ามาสู่สภาวะความเป็นปกติชนได้ในไม่นาน

แต่ถ้าหากจิตของคนไม่ว่าจะเป็นผู้หรือบุคใดได้ไปทำปฏิสัมพัทธ์กับจิตของบุคคลที่ไม่สิงสถิตชีวิตไว้กับระบบใดๆไม่เอาความรักไปผูกไว้ในคำว่ารักอย่างมีระเบียบและมักจะแตกระบบอยู่ทุกเมื่อ เขาผู้นั้นจะเป็นมนุษย์ที่ได้รับประสบการณ์ใหม่เป็นผู้ที่ได้ของขวัญจากฟ้าหลุดจากความพยาบาททางจิต และแม้หากเขาจะถูกตัดความสัมพันธ์กลางอากาศขึ้นมา ก็ยังจะเป็นเขาคนนั้นนั่นเองที่จะสร้างเผ่าพันมนุษย์สายพันธ์ใหม่และจะมีการกลายพันธ์และแตกพันธ์ตนเองไปเรื่อยๆอย่างไม่มีระบบและสุดท้ายก็จะหลุดจากความเป็นตัวตนที่แท้จริงในที่สุด

พูดง่ายๆว่าไม่มั่นใจในเพศที่แท้จริงจะเอาไงดีกับชีวิตก็ยังไม่รู้ ประตูไหนกันแน่ที่เขาว่าดีก็ยังสงสัยหาบทสรุปไม่ได้ ก่อนสุดท้ายก็ยังหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ และเมื่อสุดท้ายมาถึงจึงต้องปิดประตูหัวใจใส่กลอนนอนตายด้านไปตามระเบียบ...อะฆึ อะฆึ..สมเหมือนใครบ้างเอ่ย?..ระวัง!!อาจเป็นคุณ...

ป.ล       จงใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ล.ป.ล    หากปฏิบัติตามสมองจะปฏิสัมภิทา
ส.ป.ล    จงเชื่อว่าคนเขียนรายสวยและเก่ง

อนึ่ง..อ่าน ป.ล3แล้วให้กลับไปทบทวน ป.ล1

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แทนความรักที่ยิ่งใหญ่คุณมอบอะไรให้กับพ่อ

...ทุกอย่างที่คุณทำให้กับพ่อ...อาจเป็นคำกลอนสวยงาม อาจเป็นการรำอวยพร อาจเป็นช่อดอกไม้ใหญ่จัดเรียงอย่างประณีตจากผู้เชียวชาญ อาจเป็นของขวัญมีค่าวัดราคาไม่ได้ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่เราบรรจงรังสรรค์ให้พ่อ ทุกอย่างล้วนมีค่าหากเรามอบให้ด้วยใจแต่บางสิ่งบางอย่างที่เรามอบให้เคยเห็นใจและเข้าใจในความรู้สึกของพ่อบ้างหรือเปล่า?...

...
...

...ในวิถีชีวิตของเราที่ผ่านมา..ทุก ๆอย่างที่พ่อสอน ทุกๆสิ่งที่พ่อทำ ทุกย่างก้าวที่พ่อเดิน พ่อพยายามเป็นตัวอย่างและสร้างสิ่งดี ๆ ไว้ให้เราที่เป็นลูกได้จดจำเสมอ ..เพื่ออหวังว่าสักวันหนึ่งลูกจะเดินเองอย่างแข็งแกร่งไม่หลงทาง จนมาถึงวินาทีนี้เมื่อพ่อเริ่มแก่ชราไปร่างกายพ่อไม่สามารถทำทุกอย่างให้ลูกเต็มที่เหมือนอย่างวันเก่าๆที่พ่อเคยได้ทำไว้....วันนี้..พ่อฝากความหวังให้ลูกหลายๆคนที่เชื่อว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า..ช่วยทำหน้าที่แทนพ่อช่วยนำทางให้น้องๆเดินตามในตอนสุดท้ายของเส้นทาง..รวมทั้งช่วยพยุงพ่อในวันที่พ่อกำลังอ่อนล้า

...

...แต่สุดท้ายพ่อกลับเห็นว่า ลูกทำบ้านเมืองลุกเป็นไฟ..ลูกบางคนเผาบ้าน...แต่ในขณะเดียวกันพ่อต้องทนเห็นลูกบางคนต้องทนทุกข์เอาชีวิตแลกเพื่อดับไฟ...ภาพที่เห็นทำพ่อเจ็บพ่อเหนื่อยพ่อล้า พ่อต้องปล่อยให้น้ำตาไหลตกใน เพราะไม่อยากให้ลูกเห็นว่าข้างในหัวใจของพ่อนั้นเจ็บปวดและผิดหวังขนาดไหน ด้วยความรักและความอดทนพ่อไม่เคยบ่นเอ่ยคำกล่าวติเตียนให้ลูกต้องช้ำใจ ..เพียงเพราะพ่อไม่อยากเห็นลูกต้องทุกข์ด้วยความรู้สึกของพ่อ..สิ่งที่ลูกรับจากพ่อคือสิ่งที่มาจากหัวใจ..และนี่หรือคือการจ่ายค่าตอบแทนความรักอันยิ่งใหญ่ที่ลูกทำให้กับพ่อ...

...

...ลูกทั้งหลายวันนี้จะมีสักกี่คนที่มองเห็นในความรู้สึกของพ่อ...หยุดทำร้ายพ่อด้วยความบ้ากระหายอยากที่จะเป็นใหญ่สักทีจะได้ไหม...ก่อนที่เราจะอยู่กันจนมาถึงวันนี้เราทุกคนต่างก็เจ็บปวดกันมาก่อน หากสิ่งใดที่เราทำผิดพลาดทำไมไม่ทำลืมแล้วเริ่มต้นใหม่..สำหรับสิ่งที่เรารัก...สำหรับสิ่งที่ให้ความรักกับเรา เพียงแค่เราไม่ทะเลาะกันมันไม่ได้ยากเกินความพยายามที่เราจะสามารถทำได้..ทำได้ไหมหยุดทำร้ายเมืองไทยหากคุณยังรู้สึกว่ารักพ่อ...แล้วพวกเราจะอยู่ตรงนี้ด้วยกันตลอดไป..บนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้พร้อมด้วยรอยยิ้มของพ่อที่จะอยู่ตรงนี้อยู่ที่หัวใจของคนไทยทุกคนตลอดไป..

...

จากลูกคนหนึ่งในเมืองไทยที่รักประเทศและรักพ่อและจะดำเนินชีวิตตามคำสอนของพ่อด้วยความรักและความอดทน จะจ่ายค่าตอบแทนให้พ่อด้วยความจงรักภักดีอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยแม้จะเป็นเพียงความคิดที่น้อยนิดแต่จะมั่นคงทำอย่างนี้ตลอดไป


.......................

...วัคซีน...

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อธิฐานดาวตก

.......นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งแล้วซินะที่เราได้ชื่นชมกับปรากฏการณ์ฝนดาวตก ดิฉันคิดว่าคำอธิฐานหลักๆคนไทยหลายๆล้านคนก็คงจะอธิฐานในสิ่งเดียวกับดิฉันคืออยากเห็นเมืองไทยสงบสุข และขอให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงหายจากพระอาการประชวรไวๆ....แต่รู้ไหมคะว่าดิฉันก็ยังมีอีกหนึ่งคำอธิฐานอีกเช่นกันที่ได้อธิฐานไว้ให้กับสิ่งยิ่งใหญ่สิ่งนั้น ....เอ!!แล้วเค้าจะรู้มั๊ยนะ??.........
...
ลำแสงสีทองส่องสกาว พร่างพราวสวยจับใจ
เธอหล่นมาจากฟากฟ้าไกลทำให้โลกดูสดใจขึ้นทันตา
ดวงดาวเอยเธอเต็มใจไหมที่ต้องตกลงมา
เธอจะรู้สึกเศร้าบ้างไหมที่ต้องจากฟากฟ้า
และเธอจะรับรู้ไหมว่า ที่แห่งนี้มีคนตั้งตารอคอยเธอด้วยความหวัง
และสุขใจทุกครั้งที่ได้มองเห็นเธอ
...
ลำแสงของเธอที่ทอดลงมาแค่เพียงเศษเสี้ยวของเวลา
แต่มันมีค่าทางใจกับคนมากมาย
ขอให้เธอจงภูมิใจในหน้าที่ของดวงดาว
วันนี้เธอเสียสระตัวเองมาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่
ตกลงมาเพื่อให้ใครต่อใครได้ตั้งใจอธิษฐานขอพร
...
หมื่นล้านคำที่ผู้คนพร่ำภาวนา
แสนกว่าความหมายที่เธอต้องรองรับเอาไว้
ฉันรู้ว่าเธอต้องเหน็ดเหนื่อยมากมาย
แต่เธอคงยังไม่สับสนใช่ไหม
ถ้าฉันจะมีคำอธิษฐานอีกสักหนึ่งความหมาย
อยากให้เธอรับเอาไว้ด้วยเช่นกัน
...
ฉันขอให้คุณความดีทั้งหลาย
ที่เธอทำให้คนมากมายได้มีความสุขในวันนี้ จงมีพลังส่งกลับไป
ขอให้เธอมีชีวิตใหม่ที่สดใส
จากที่เคยเป็นแค่ละอองดาวให้กลายเป็นดาวประจำเมืองที่ยิ่งใหญ่
และติดอยู่บนนั้นทุกครั้งที่ใครๆได้แหงนมองขึ้นไป
สุดท้ายขอให้เธอจงมีความสุขใจอยู่ตลอดเวลา
เธอคือสิ่งที่มีค่าฉันศรัทธานะเธอดาวตก
...
...ทุกครั้งที่เรามองเห็นแสงแสดงว่าเรากำลังจะมีความหวัง
และจงเชื่อเถอะนะคะว่าสิ่งที่คุณหวังกำลังจะเป็นจริง...
*เจ้าหญิงวัคซีน*

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

งานวิจัยพฤติกรรมระดับโมเลกุล

การค้นคว้า เพื่อทําความเข้าใจว่า เหตุใด มนุษย์เราจึง มีความอยากได้ส่วนบุคคลแฝงอยู่ในจิตสำนึกจนเกินความพอดี . การค้นพบครั้งล่าสุดของ ลอร์ดวัคซีน ในมหาวิทยาลัยความฝันแห่งกรุงเพ้อเจ้อนั้นก็ยังเป็นเพียงผลงานวิจัยคล่าวๆทางวิทยาศาสตร์การคาดเดาชิ้นหนึ่ง ที่พยายามจะชี้ให้เห็นว่า ชีววิทยาหรือพันธุศาสตร์ กับความเป็นคนงกอยากได้อยากมีนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลับๆ


หลังจากการเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มหนึ่งอย่างสอดรู้สอดเห็นก็ได้พบว่าพฤติกรรมของผู้คนเหล่านี้ เมื่อเห็นอะไรที่ดูสวยงามตระการตาเขาจะมีความรู้สึกเหมือนถูกอำนาจเวทมนต์บางอย่างเข้ามาสิงสถิตจนทำให้เกิดอากัปกิริยาที่อยู่เหนือปริมลลการควบคุมตนเองให้เป็นปกติได้ โดยทางวิทยาศาสตร์การคาดเดาจะเรียกอาการเหล่านี้ว่าเป็นการลืมตัวชั่วขณะจนไปถึงขั้นไม่รู้จักประมาณตนจะส่งผลทำให้เกิดอาการที่คิดไปเองว่าตนเป็นผู้เป็นร่ำรวยต้องเอาของเหล่านั้นมาครอบครองให้ได้หรือไม่ก็ต้องทำสัญญาแสดงตนเป็นเจ้าของโดยฉับพลัน ประหนึ่งว่าสิ่งเหล่านั้นเคยเป็นของตนมาตั้งแต่ชาติปางก่อนที่ยังตามมาหลอกหลอนให้เห็นในมโนสำนึกถึงในชาตินี้.


ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา(ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่ปี) แม้ว่างานวิจัยในห้องปฏิบัติการก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลนั้นจะถือว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ก็ยังมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า มีปัจจัยทางสังคมวิทยาบางอย่าง ที่เป็นตัวกําหนดพฤติกรรมของผู้คนเหล่านี้ แม้ว่าจะยังไม่อาจสรุปได้ว่า ปัจจัยดังกล่าวนั้นคืออะไรมีต้นสายปลายเหตุเริ่มมาจากสิ่งไหนแน่เพราะยังเป็นเรื่องถกเถียงกันจนบางครั้งก็ถึงขั้นไม่ลงรอยตีหัวกันเองมาก็นักต่อนักแล้ว เพราะพฤติกรรมดังกล่าวมีที่มาจากหลายกระแสมาก ไม่ว่าจะเป็นกระแสจากสังคมไฮโซ สื่อ อินเตอร์เน็ท และ/หรือจากการที่ได้เกิดมาเป็นผู้โชคดีผุดออกมามีชีวิตอยู่ในยุคที่ผู้คนบ้าคลั่งการทำตัวให้ทันกระแสวิ่งไล่กวดคำว่าทันสมัยซึ่งก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีการถกเถียงกันในแต่ละครั้งจนกินเวลาไปยาวนาน(และแล้วก็ยังไม่เกิดผลอันใด)


. อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มก็ยังมีความเห็นที่ไม่ค่อยจะตรงกันนัก ไม่ว่าจะใน สังคมวิทยาศาสตร์คาดเดาเอง หรือ กระทั่งสังคมชาวบริโภคนิยมเองก็ดี ว่าจะนําเอาองความรู้ที่ได้จากการสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านดังกล่าวนี้ ไปใช้ประโยชน์อย่างไรและผลกระทบที่อาจจะตามมา มีอะไรบ้าง และใคร จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากมีสังคมคนรวยที่แท้จริงเข้ามาตั้งคำถามย้อนกลับว่า “เมิงจะทํางานวิจัยดังกล่าวขึ้นมาทําไมกูมีเงินพอใจหาความสุขให้ตนเองเมิงจะมายุ่งอะไรกับกูหรือว่าอิจฉา” (ห๊า!!เจ็บตับโดนสวนกลับถูกความรู้สึกที่แท้จริง..เหวอแดกเล็กน้อย)


ยังไม่เข็ดทำมึนต่อ..งานวิจัยของลอร์ดวัคซีนยังค้นพบอีกว่าขนาดของความอยากได้ของแต่ละบุคคลนั้นมีความแตกต่างกัน เปรียบเทียบโดยใช้สูตร 1vs1live=ความอยากไม่มีสิ้นสุดขึ้นอยู่กับว่าไปพบเจอกับสิ่งใดในขณะนั้น พร้อมด้วย ผู้ร่วมงานที่มหาวิทยาลัยของเธอ และ นักวิจัยแห่ง ศูนย์วิทยาศาสตร์ขาดสติในกรุงที่มีคนอยู่น้อย ได้ทำการพิเคราะห์ สมองของ คนที่เป็นคนจน 100 คน และ คนรวยมาแต่กำเกิด200คน *อนึ่งที่คนรวยมากกว่าเพื่อจะพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าจริงแล้วคนรวยไม่งกจริงหรอ* และก็ได้พบว่า คอคอดของสมองที่เป็นรอยต่อเข้าไปในบ่อของความอยากได้ในสมองของคนที่เป็นคนจน มีความกว้างและหนากว่า คนรวย ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้น สมองคนที่เป็นคนรวยบางคน ก็มี คอคอดที่หนาและลึกกว่า คนที่เป็นคนจนกว่าหลายเท่านัก(โอ้!มายก็อดคนรวยก็งกขั้นเทพ)


สําหรับแนวความคิดที่ว่า ปัจจัยทางด้านของการเป็นคนมีฐานะ จะไม่ได้มีบทบาทในการกําหนดพฤติกรรมความงกนั้น ลอร์ดวัคซีนได้กล่าวในการประชุมประจําปี ของสมาคมประสานจิตวิทยา (Society for hart) ที่หาดไม่เคยมี รัฐฮานาก้า ว่า "แน่นอน เราไม่ได้หมายความว่า สิ่งแวดล้อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง [ต่อการกําหนดพฤติกรรม] แต่เราหมายความว่า สิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถอธิบาย เรื่องราวทั้งหมดได้" ( แปลไทยเป็นไทย แบบเข้าใจง่ายๆ ได้ว่า : สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นของคนจนหรือคนรวยมีผลต่อพวกเขาแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ) *ทำเสียงสูงใส่จริตจกร้านแต่พองาม*

....อย่างไรก็ตาม เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าขนาดความลึกบางของสมองที่แตกต่างกันนั้นจะเข้ามาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทําให้ชาติล่มจม หรือว่า เป็นผลลัพธ์ที่มาจากสิ่งอื่นที่บงการอยู่นอกประเทศกันแน่ "มันก็ยังเป็นปัญหาที่ต้องหาคำตอบกันต่อไปส่วนคำตอบที่จะได้นั้นคงต้องคาดเดากันเอาเองธรรมชาติไม่สามารถเปิดเผยความจริงที่แน่นอนได้...ทุกอย่างล้วนเป็นปรัชญา"....

บทเรียนที่สอนให้รู้ว่าอย่าโง่ตามกระแส

จากบทสัมภาษณ์พ่อเคอิโงะ... คนไทยอ่านแล้ว...อย่าเจ็บใจนะนายคัตซุมิ ซาโต้ ถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่โชคดีผู้หนึ่ง ที่หลังจากได้มาพบลูกชายที่เมืองไทยแล้ว เมื่อเดินทางกลับถึงญี่ปุ่น ได้มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและวารสารมาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องที่เดินทางมาประเทศไทยหลังจากที่ปฏิเสธการเดินทางมาก่อนหน้านี้นี่คือบทสัมภาษณ์ที่นายคัตซุมิ ซาโต้ ที่ปัจจุบันยังไม่ได้มีงานอะไรที่มีรายได้เป็นหลักแหล่งแน่นอนหรือมากมาย แต่โชคดีที่มีลูกในเมืองไทย...
“ตอนแรกผมไม่ได้คิดมาเมืองไทยเพราะผมเองไม่ได้มีรายได้อะไรมากมาย และที่สำคัญ ผมเข้าใจผิดคิดว่าที่เมืองไทยคงใช้กฎหมายเหมือนที่ญี่ปุ่นที่ชายคนใดทำให้หญิงสาวท้องจนคลอดลูกแล้วหนีไป เมื่อพบตัวชายผู้นั้น ชายผู้นั้นต้องรับผิดชอบทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และความเสียหายที่ทางหญิงสาวสามารถเรียกร้อง พร้อมทั้งอาจต้องผิดกฎหมายด้วย แต่ปรากฏว่า จากการติดตามแกมบังคับให้ผมต้องเดินทางไปประเทศไทย ทำให้ผมเพิ่งทราบว่า ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดไปเอง เพราะก้าวแรกที่ผมถึงประเทศไทย คนไทยให้การต้อนรับผมราวกับคนสำคัญของประเทศคนหนึ่ง ทั้งหนังสือพิมพ์ ทีวี และสื่อต่าง ๆ พากันมาทำข่าว ผมได้พักโรงแรม 5 ดาวอย่างหรู อาหารการกินอย่างดี มีคนต้อนรับตลอดหลายวันที่ผ่านมา และที่สำคัญ ยังได้เงินที่มีคนนำมามอบให้อีกด้วย

(ทั้ง ๆที่ทิ้งลูกเมียไปอย่างไม่รับผิดชอบและไม่ได้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยอะไรเลยตลอดมา การพบลูกในครั้งนี้) ดังนั้น ผมจึงคิดว่าจะเดินทางไปประเทศไทยอีกในระยะอันใกล้นี้ และถ้าเป็นไปได้ก็อาจหาทางเอาลูกชายมาด้วย เผื่อว่าคนไทยหรือทางรัฐ ฯ จะได้ให้เงินสนับสนุนผมและลูกต่อไป”

เป็นไง .... กับญี่ปุ่นไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีคุณประโยชน์อะไรกับประเทศไทยเราเลย แถมตอนแรกไม่คิดมาเพราะอาจมีภาระ แต่พอมาแล้ว ได้กินดี อยู่ฟรี แถมมีเงินติดมือ เป็นใคร (ที่ขี้เกียจและไร้ความรับผิดชอบ) ก็คงชอบแน่นอนเป็นไงล่ะ .... คนไทย ที่บ้าเห่อ บ้ากระแส ไร้ความคิด สุดท้ายก็โดนชายญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อประเทศไทยเราเลยตบหน้าฉาดใหญ่ เพียงอาศัยความอยากรู้จักพ่อของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น …เท่านั้นจริง ๆ-----------------------------------------------------------------------------------------------รับมาก็ส่งไป และอยากให้ช่วยส่งต่อ ๆ ไปอีก เพื่อให้คนไทยเลิกโง่ เลิกเห่ออะไรบ้าๆบอๆ ได้แล้วคนไทยอ่านแล้ว.... อย่าเจ็บใจนะ

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไดอารี่วันที่9(เงาสะท้อนอวยพรวันเกิด)

สวัสดี izaชีวิตภาคสมบูรณ์ของฉัน วันนี้นาฬิกาตีเวลาตรงหัวใจบอกว่าแก่ขึ้นไปอีกปีแล้วซิ..เธอจะเริ่มมองเห็นคุณค่าของชีวิตเธอก็เมื่อตอนที่ชีวิตเธอได้เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆนี่แหละนะ
...
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปีแล้วนะที่ฉันได้เห็นเธอต้องฉลองวันเกิดตัวเองอยู่คนเดียวเธอคงชินแล้วใช่ไหม แม่เธอก็คงลืมวันเกิดเธอเหมือนอย่างเคยซินะ แต่เธอไม่ต้องเศร้าหรอกนี่ไงฉันออกมาแล้วออกมาทำหน้าที่สะท้อนความรู้สึกเหงาให้เธอเหมือนอย่างที่ฉันเคยทำอยู่เสมอไง
วันนี้เป็นวันพิเศษของเธอฉันขอให้เธอมีชีวิตที่เข้มแข็งฉันก็จะเป็นเงาสะท้อนที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อเธอเช่นกันเวลาในวันต่อๆไปฉันขอให้เธอจงได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่จะนำความสดใสมาให้เธอและขอให้เธอมีความสุขกับการใช้ชีวิตในแบบฉบับของเธอตลอดไปขอให้เธอจงค้นพบสิ่งใหม่ๆในหัวใจเธอทุกครั้งที่เธอต้องการนะ


จงสู้ต่อไปอย่ากลัวอุปสรรคใดๆเก็บความเจ็บปวดไว้ในส่วนลึกของหัวใจฉันจะปกป้องเธอไว้ด้วยความกล้าหาญของฉัน


ฝันต่อไปจนกว่าจะพบทางทุกอย่างอยู่ที่ใจอยู่ที่เธอเท่านั้น ฉันเชื่อว่ามันต้องมีสักวันถึงฉันจะไม่รู้ว่ามันเป็นวันไหนก็ตาม...แต่ตราบเท่าที่พรุ่งนี้เธอยังคงตื่นขึ้นมาแล้วได้พบกับวันใหม่สิ่งใหม่ๆมันก็จะต้องเข้ามาหาเธอได้ในสักวัน เธอเชื่ออย่างฉันไหมแต่ฉันหวังไว้ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น ฉันขอให้เธอจงมั่นใจ เพราะว่าฉันมั่นในเธอ

ฉันดีใจที่มีเธอเป็นตัวเธอในภาคสมบูรณ์ของฉันและฉันก็ภูมิใจที่ฉันได้เป็นเงาสะท้อนสิ่งต่างๆให้เธอถึงแม้ว่าบางครั้งฉันจะต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าเพื่อสู้กับพลังซุปเปอร์ฐิติในตัวเธอแต่ทุกครั้งเราก็ต่างรอมชอมกันให้ออกมาได้ด้วยดีเสมอถึงเธอจะควบคุมยากแต่ฉันก็เคารพในตัวเธอนะ


ฉันรักเธอนะ iza
...

...

จาก...จิตไร้สำนึกที่ค่อนข้างบ้าของเธอ

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ว่าด้วยสัจธรรมเรียงร้อยคำจากปรัชญา

คำโกหกมีอยู่เสมอมันซ่อนอยู่ในคำพูดที่น่านับถือ คำสัญญามีอยู่เสมอมันมาพร้อมกับการให้ความหวัง
คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่ลงมือทำ เพียงลมปากไม่สามารถทำให้อะไรสำเร็จได้
เมื่อถูกสิ่งหลอกลวงและคำโกหกทำร้าย จงยอมรับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ปุถุชนคนเดินดินต้องเจอ
จิตใจที่เสื่อมจนไม่มีความรู้สึกในทุกๆครั้งที่ตนเองทำความผิดไม่เรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์
ในความลึก ในความกลัว ในความมั่นใจ ในความหวัง ยังมีความกล้าซ่อนอยู่เพียงแค่รอเวลาที่เราจะเรียกเขาออกมา
เพื่อนแท้คือคนที่ยืนอยู่ในวันที่ทุกๆคนต่างก็หายไปและนั่นก็ไม่ใช่อะไรแท้จริงคือความเหงานั่นเอง
เมื่อเราได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนที่เป็นนิรันดร์เราจะไม่มีวันได้ก้าวกลับมาบนโลกนี้อีก
ชีวิตคือการทำให้สมบูรณ์แต่การได้เกิดมามีชีวิตคือการเริ่มต้นแห่งการสูญเสียตั้งแต่วันแรกจนวันตาย
อนาคตเก็บงำความลับไว้มากมายและที่ยิ่งร้ายคือเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าเพราะเขาไม่เคยมีจดหมายเตือน
ทุกสิ่งทุกอย่างต่างมีการเปลี่ยนแปลงและก็ต่างดำเนินไปแต่ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนท้องฟ้าให้ไม่กลายเป็นสีฟ้า
เมื่อจิตใจคุณผ่านพ้นจากความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นหวัง ทรมานไม่นานคุณจะได้จิตใจใหม่ที่จะเข้ากันได้กับความเศร้าไปตลอดกาล
บินไปเถอะบินไปถ้าคุณยังรู้สึกได้ว่าปีกของคุณยังมีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
หากไม่มีแสงให้เดินตามแมลง หากไม่มีหวังให้เดินตามเสียงของหัวใจ
หากเราพร้อมที่จะอยู่เราต้องพร้อมที่จะทนเพราะคำนินทาและเสียงบ่นมีปะปนอยู่กับคนทุกพื้นที
ทุกครั้งที่ผิดหวังจากความฝันให้เข้าใจว่านั่นก็แค่ฝันแต่สิ่งที่ทำเราเจ็บต่างหากที่เป็นความจริง
อะไรที่เราพูดไม่ได้ให้เอาเก็บใส่กระเป๋าไว้แต่อย่าลืมหยิบมันทิ้งออกไปหรือไม่ก็ให้ลืมลงไปในถังซักผ้า
อนาคตถ้ามันไม่คดเราคงออกค้นหามันได้ไม่ยากสักเท่าไหร่แต่ก็คงไม่ยากเกินไปถ้าเรามุ่งมั่น
ถ้าไม่มีความเคลื่อนไหวก็ไม่มีการเริ่มต้น แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยความกังวลควรเอากลับไปคิดดูใหม่
เมื่อโอกาสผ่านเข้ามาอย่าเพ่งรีบคว้าแต่ควรพิจารณาว่ามันใช่โอกาสจริงๆหรือแค่เอาสิ่งยั่วยวนใจมาหลอกใช้เรา
เมื่อคุณปล่อยให้โอกาสและความฝันหลุดลอยไปคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจเพราะคุณฝันใหม่ได้ทุกวัน
นิยามที่แท้จริงของคำว่ารักก็คือมากมายคุณจะลึกซึ้งกับคำนี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณทำความเข้าใจโลกนี้ได้แล้วทุกอย่าง
เมื่อคุณปรารถนาจะมีอิสระบินไปไกลให้ได้ดั่งนกขณะนั้นในใจคุณก็ยังคงปฏิเสธที่จะถูกยิงให้ตกลงมาตาย
เส้นทางในปัจจุบันคือสิ่งที่สะท้อนมาจากอดีต อนาคตคือสิ่งที่เราฝันความหวังคือแรงผลักดันให้เราออกตามหา
ทุกครั้งที่เราออกเดินทางตามหาอนาคต อนาคตก็ทำอย่างนั้นเวลาและอนาคตคือความเป็นนิรันดร์ซึ่งความฝันก็ไม่มีวันสิ้นสุด

....สองฝ่ายจะเป็นหนึ่งเดียวได้ถ้าตราบใดเราคนไทยจะไม่ปล่อยมือจากกันเราจะเดินข้ามผ่านอุปสรรคไปให้เจอแสงของสายรุ้งเส้นนั้นขอเพียงเราร่วมใจกัน เติมพลังแห่งความรักแล้วเดินไปพร้อมกัน .....พลังแห่งความรักจะนำพาเราไปให้พบว่าที่สุดปลายสายรุ้งตรงขอบฟ้าเส้นนั้นจะมีรางวัลรออยู่...

สงวนลิขสิทธ์โดย เจ้าหญิงวัคซีน ผู้นำลัทธิความฝัน...หุหุหุ

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนพิเศษที่หมดความสำคัญ

คุณเคยทำ "คนบางคน" ที่คุณเคยให้เค้าเป็นคนสำคัญหล่นหายไปจากหัวใจ
โดยที่คุณไม่เคยบอกในเหตุผลของการลืมกันไปให้เค้าได้รู้ตัวเลยบ้างไหม?
...

ใครบางคนที่เป็นเหตุผลของการอยากมีชีวิตอยู่และสู้ต่อไปแม้ว่าโลกข้างหน้านั้นจะโหดร้ายเพียงไรเขาก็ไม่เคยกลัว
...

ใครบางคนที่ทำให้คุณไม่ต้องสับสนไม่เหงาไม่เศร้าไม่เดียวดายแม้ว่าคุณจะพึ่งผ่านเรื่องที่เลวร้ายมาไม่นาน
...

ใครบางคนที่ทำให้คุณรู้ว่าวันข้างหน้าเราจะอยู่อย่างมีคุณค่าเราจะร่วมกันสร้างฝันแม้ว่าคุณจะหมดหวังและเหนื่อยล้าจากสิ่งต่างๆมามากมาย
...

ใครบางคนที่ไม่เคยมองว่าคุณคือคนผิดแม้ว่าสิ่งที่คุณทำนั้นคนทั้งโลกจะมองว่าผิดศีลธรรม

ใครบางคนที่ไม่เคยซ้ำเติมและเข้าไปเกี่ยวข้องในสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้รับรู้

ใครบางคนที่อยู่รับประสบการณ์ใหม่ๆกับคุณทุกครั้งขอเพียงสิ่งนั้นเป็นเส้นทางที่จะสร้างฝันให้คุณ
...

ใครบางคนที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าวันข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไรคุณก็จะเป็นคนพิเศษเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณไป
...

และใครบางคนคนนั้นที่ถอยห่างออกมาเมื่อรู้ว่าคุณกำลังเจอเส้นทางลัดที่สามารถนำคุณไปถึงฝั่งฝันได้อย่างง่ายดาย
...

ใครบางคนคนนั้นเขาไม่สามารถเรียกร้องให้เธอกลับมาสร้างฝันที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันอีกต่อไปทำได้แค่ยืนมองเธอไปได้ดีกับเส้นทางที่เธอได้ฝันไว้
...

...

ถึงเวลาจะผ่านไปถึงสิ่งใหม่ๆจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงความเป็นเราแต่ถึงอย่างไรไม่ว่านานสักเพียงไหน
วันนี้ เธอก็ยังเป็น"คนพิเศษ" สำหรับฉันอยู่ต่อไป
...

...

คำถามมีอยู่ว่า...
...

ที่ผ่านมาฉันทำผิดอะไร
...
และฉันยังเป็น "คนพิเศษ" สำหรับเธออยู่อีกไหม?

...

หรือแค่ว่าฉันไม่สามารถนำเธอไปสู่ฝั่งฝันได้อย่างทันใจฉันจึงหมดความสำคัญ?
...

...จากคน ที่เคยเป็นเพื่อนของเธอ...

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ข้อดีของการไม่มีแฟน

1.มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากดูหนัง คุยโทรศัพท์ งอน ง้อ
2.มีเวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น
3.กลับบ้านดึกก็ได้ไม่ต้องโทรรายงานใคร
4.ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ไม่สุขมากแต่ก็ไม่ทุกข์แล้วกัน
5.ประหยัดค่าใช้จ่าย แบบว่าไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ไม่ต้องคอยซื้อของขวัญอะไรให้ใคร
6.ร้องเพลงคนไม่มีแฟนของพี่เบิร์ดได้อย่างสะใจ มันส์ในอามรมณ์อย่างสุดๆ
7.ไม่ต้องคอยเอาใจคนอื่น
8.ไม่ต้องพบเพื่อนของแฟนที่เราไม่อยากรู้จัก
9.ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาแย่งแฟนเรา
10.มีคนคอยเป็นห่วงเยอะ(และคอยถามว่าทำไมไม่มีแฟน)
11.ไม่ต้องคอยหึงหวง ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นอีกเยอะ
12.ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะสบายดีรึเปล่า
13.มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่
14.ไม่ต้องฟังคำว่า"อนาคตของเราและรักแท้"
15.ไม่ต้องอกหัก อันนี้สำคัญมาก
16.ไม่ต้องกังวลว่าวันนี้จะใส่ชุดอะไรดีถึงจะถูกใจเขา
17.ไปหาเพื่อนน่ะแต่งตัวแบบไหนก้อได้
18.ไม่ต้องคอยเช็ค sms เผื่อว่าเขาส่งมาแล้วยังไม่ได้ส่งกลับ (เฮ้อออ....เปลืองอ่ะ)
19.อยากหิ้ว อยากจิก ใครก็ได้ไม่มีคนคอยตามประกบ
20.พ่อแม่จะรักเป็นพิเศษเพราะอยู่ติดบ้าน
21.ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเอาใจเขา
22.ไม่ต้องรอคำสัญญาที่มันไม่เป็นความจริง
23.ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเปลืองตัวไม่ต้องกลัวเอดส์
24.มีทางเลือกให้กับชีวิตเพิ่มขึ้น
25...........ไม่ต้องร้องไห้............
26.ได้ทำตามใจตัวเองอย่างเป็นสุขไม่ต้องกังวลถึงเขา
27.คิดถึงคนหลายๆ คนพร้อมกันได้
28.คิดถึงตัวเองมากขึ้น
29.ชินกับการอยู่บ้าน เพราะไม่มีแฟนชวนเที่ยว
30.เล่นเน็ตได้นานสะใจ จะคุยกับใครก็ได้ม่ายมีใครหวง

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

!!โอ้มายก็อด..แปลกกว่านี้มีอีกไหม..

รวมพลคน ชื่อ-นามสกุล สุดแปลกที่มีอยู่จริงในประเทศไทย !!!!!
1. สายใจ เกาะมหาสนุก
2. สมศักดิ์ หวังกระแทกคาง
3. หวังนที จู๋ยืนยง
4. ณรงค์ นัดใช้ปืน
5. กันภัย สูญสิ้นภัย (นายหน้าประกันหมดสิทธิ์)
6. อูโน่ หลาวทอง
7. ท้ายรถ (ชื่อคน)
8. อธิป จู๋กระจ่าง(เป็นญาติกับหวังนทีหรือเปล่าเนี่ย)
9. ศักดิพันธ์ ชอบนอนหงาย (แต่งงานซิจะได้รู้ว่านอนคว่ำก็มีดี)
10. บรรจง หนึ่งในยุทธจักร
11. กนกกร เม่งเวหา
12. รรรรรร (อ่านว่า ระ-รัน-รอน)ความอัจฉริยะของภาษาไทย
13. ท่านฮ่องเต้ สมลุนาวัน
14. นารัตน์ พัดลม
15. พล.อ.การุณ เก่งระดมยิง
16. ลำเทียน จ้องผสมพันธุ์ ..(555+)
17 มนศักดิ์ กางมุ้งคอย (ขอลำเทียนแต่งงานเลยพี่)
18. นส. ชะรอยจุติมา (ชื่อ)
19. นส. แลคโตเย่น (ชื่อ)ถ้ามีลูกจะให้ชื่อ เอนฟาโกรไม๊นี่
20 ดินทะยาน แจงใส
21. สร้อยเหม็น ฟางน้อย
22. ไพรัตน์ หม้อน้ำร้อน (ระวังเครื่องพัง)
23. ภาคภูมิ ด้วนรู้ที่
24. หรูหรา ออมตอง
25. วรุณนาโศรก จันทรคดี
26. หรินาท ปรปักษ์เป็นจุล (กลัวแล้วจ้า)
27. ชัยยศ พรหมจารีย์พินาศ(กร๊ากก..ใครทำ)
28. (ชา-ติ-หะ-มา) นามสกุลพระราชทาน
29. วรต อกระโทก
30. ( ชื่อ)บริสุทธิ์ (ตอนโทรสับ มักถามว่า...บริสุทธิ์อยู่มั้ย ?)
31. นักรบ ชนะราวี (พี่)
32. สงคราม ชนะราวี (น้อง) คงไม่ได้เป็นอะไรกับ พล.อ.การุณ เก่งระดมยิงนะ..
33. นิธินัย เหินเวหา
34. ติ๊บ บุญนำ
35. แคน อัครฮาก
36. อ๊อด ไชโย
37 บารมี สมาธิปัญญา (กำลังลาดเอียงสู่โสดาบัน)
38. ( ชื่อ)บานพับ (ประตูไม่มีเหรอ)
39. บรรพต เจ็ดพี่น้องร่วมใจ
40. ชาติชาญ เล่นเอาขำ
41. บุญศรัทธา มหามงคล (ควรเป็นมิตรกับบารมีอย่างยิ่ง)
42. หินชนวน อโศก
43. บุญพอ มีเท(ต้องชื่อบุญเหลือถึงจะถูก)
44. จันมี โถรองมูล (โถน่าสงสาร)
45. ( ชื่อ)สามศร (อันนี้ครูฝรั่งเรียกแล้วฮามากก)
46. นนนที ปล้ำกะโทก
47. การหาญ โดนอม (อ่านว่า โด-นอม)
..... อเมซซิ่งไทยแลนด์จริงๆๆ......

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

30คำถามที่อยากถามนักการเมือง

คุณเคยคิดอยากได้ยินคำตอบที่แน่ชัดในบางสิ่งบางอย่างกับคนบางคนที่คุณรู้จักดีแต่ไม่สู้จะเข้าใจเค้าดีบ้างไหม?
บางอย่างที่ดูเหมือนจะคลุมเครือในความรู้สึก กับคำถามบางคำถามที่มันค้างคาอยู่ในใจ คำตอบที่ได้จะเป็นอย่างไรกันนะ?
1 หน้าที่ของนักการเมืองคืออะไร
2 คำว่าคนของประชาชนในความหมายที่คุณรู้จักหมายถึงสิ่งใดและมีอยู่จริงไหม
3 คุณเคยสัมผัสได้ถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนบ้างหรือเปล่า
4 ความหวังใหม่หมายถึงการเริ่มต้นครั้งใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนั้นใช่หรือไม่
5 คุณตั้งความหวังกับพระเจ้าให้เข้าใจคุณแบบไหนในขณะที่คุณสาบานตนกับท่านเมื่อคุณได้รับตำแหน่ง
6.คุณเข้าใจในเหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ต่อไปกับบางสิ่งบางอย่างที่เราจำเป็นต้องยกเอาไว้ไหม
6.1.คุณลึกซึ้งกับความหมายเหล่านี้แค่ไหน รู้ไหมว่าเค้าหมายถึงอะไรและคุณให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้บ้างหรือเปล่า
7 กรุณานิยามความหมายของคำว่าสัจจะ และ จริยธรรมในกระบวนทัศน์ของคุณมาให้ฟังสัก1วรรค คัดเอาประโยคเด็ดๆเท่าที่สมองของคุณพอจะฝืนใจได้และกรุณาอธิบายให้ฟังเข้าใจด้วย
8 การจัดระเบียบสังคมของคุณหมายถึงคนรวยอยู่บนอาคารคนจนอยู่ตามสวนสาธารณะใช่หรือไม่
9 ทำไมเวลาที่คุณถกกันในสภาถึงดูยุ่งเหยิงไร้ระเบียบอย่างนั้นเคยคิดอยากจะปรับระบบการเถียงให้สามารถตอบโต้กันได้ถึงใจกว่านี้ไหม
10 คุณเห็นคนจรจัดที่นอนอยู่ข้างถนนแล้วรู้สึกอย่างไรและถ้าคุณกำลังหาเสียงจะเข้าไปกราบให้เค้าไปนอนให้เป็นที่เป็นทางไหม
11 ใครปลูกฝังธรรมเนียมการไหว้ทุกอย่างที่ขวางหน้าให้กับนักการเมืองที่กำลังหาเสียง
11.1 คุณรู้สึกขัดเขินบ้างไหมเวลาที่ไหว้คนยาจกตัวสกปรก กรุณาระบายความรู้สึกในขณะนั้นให้ฟังอย่างจริงใจ
12 คุณเคยกลัวว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องออกไปเผชิญหน้ากับความเย็นชาของคนในสังคมไหม
13 คุณคิดว่าการเนรเทศนักการเมืองออกนอกประเทศเป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินไปหรือไม่
14 คุณเห็นนักการเมืองต่างชาติที่แขวนคอตายเมื่อถูกจับได้ว่าทุจริตแล้วรู้สึกชื่นชมไหม
15 คุณคิดว่าการกระทำอย่างนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่ดีให้กับนักการเมืองรุ่นหลังกรุณาตอบออกจากความรู้สึกที่แท้จริง
16 คุณคิดอย่างไรกับการซื้อเสียงและสิ่งนี้มีความสำคัญขนาดไหนกับอาชีพนักการเมืองในจิตสำนึกของคุณ
17 การเตรียมการที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองให้ความสำคัญกับสิ่งไหนมาเป็นอันดับแรกระหว่าง
อุดมการณ์ หน้าที่ นโยบาย กับ หาแหล่งเงินทุนเพื่อซื้อเสียง
18 คุณเชื่อเรื่องการซื้อเสียงไหมว่ามีอยู่คู่กับนักการเมืองจริงๆ
19 คำพูดของนักการเมืองมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับไหนมีความชัดเจนในถ้อยคำมากน้อยเพียงใด
20 คุณใช้จิตสำนึกส่วนไหนประกาศนโยบายของคุณ ระหว่าง ส่วนจิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึก หรือไม่ได้นึกเองเลย แค่คัดเอาคำที่น่าเชื่อถือในพจนานุกรมมาเรียงให้ดูสวยงาม
21 นโยบาย30บาทรักษาทุกโรคแก้ปัญหาความเจ็บปวดได้ไหมหรือว่าเป็นนโยบายที่เปิดช่องทางให้โรงพยาบาลที่รักษาแพงกว่ามีคนไข้มากขึ้น
22 คุณคิดว่าควรมีสถาบันกวดวิชาหรือว่าโรงเรียนดัดสันดานนักการเมืองไหมเผื่อว่าเราจะได้มีนักการเมืองที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
23 คุณคิดว่าความซื่อสัตย์จะเป็นแสงสว่างในความมืดส่องให้คนหลุดพ้นจากการหลอกลวงได้หรือไม่
24 คุณให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์มากแค่ไหนหรือว่าอยากให้มีอยู่แค่ในจิตสำนึกของคนโง่เท่านั้น
25 บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองได้เพราะมีประชากรที่ฉลาดส่วนการเมืองจะเจริญได้เพราะมีประชากรที่โง่ความเข้าใจอย่างนี้เป็นจริงใช่ไหม
26 เวลาที่พวกคุณเดินทางทำไมต้องมีรถนำขบวนเปิดเส้นทางทำไมคุณไม่รักษากฎจราจร
27 คุณคิดว่าการเดินทางในแต่ละครั้งของพวกคุณเป็นต้นเหตุทำให้โลกร้อนบ้างหรือเปล่า
28 คุณเข้าใจภาษาอังกฤษที่กำลังฮิตกันอยู่ในตอนนี้บ้างไหม ลองอ่านดูซิว่า Save the word คำนี้เค้ารณรงค์ทำอะไร (ถ้าคุณอ่านไม่ออกแสดงว่าคุณตกโทเฟล)
29 แรงดึงดูดที่ทำให้อยากเป็นนักการเมืองคือการจะได้เป็นผู้วิเศษถูกละเว้นทางกฎหมายใช่หรือไม่
30 ถ้าตอนนี้เราเปิดโอกาสให้คุณเปิดใจพูดความจริง คุณอยากจะบอกอะไรกับดิฉันบ้างไหม

..แต่ดิฉันคิดว่าความจริงในการกระทำของคุณ คุณสื่อมันออกมาได้ดีที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาเลย เราคนไทยเข้าใจ

...จำเป็นต้องจบต้นฉบับไว้เพียงเท่านี้ก่อน เข้าใจว่าผู้เขียนวิจารณ์คงเกิดอาการปอดแหกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
!!ระวังเดี๋ยวมันจะมาไม่รู้ตัว
ป.ล ต้นฉบับไม่เกี่ยวข้องด้วยเหตุอันใดทุกประการกับเจ้าของบล็อกไม่ต้องฟ้องรัฐมนตรีไอที..อิอิ

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โรคโลกส่วนตัว(โรคอันตรายที่ผู้ชายควรระวัง)

โรคโลกส่วนตัวเป็นโรคที่วิจัยแล้วพบว่าไม่ได้มีการติดต่อกันทางพันธุกรรม ไม่ใช่โรคระบาด ไม่สามารถแพร่ขยายเชื้อให้กับผู้คนรอบข้างได้ เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโรคนี้มักเก็บตัวอยู่คนเดียว ตัดขาดกับโลกภายนอก แต่อยู่กับโลกเพ้อฝันสร้างวิมานกลางอากาศ จินตนาการถึงโลกหน้าเหมือนจะดูบ้าๆบอๆแต่เขารู้ว่าเค้าสามารถ

ลักษณะอาการและจุดเด่นของผู้ที่เป็นโรคนี้คือ ดูเหมือนจะเป็นคนที่น่าค้นหา มีเสน่ห์แบบลึกลับ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่งตัวแบบไม่แคร์ว่าใครจะด่าตามหลัง มีรสนิยมส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร ชอบฟังเพลงเฉพาะกลุ่ม แบบคลาสสิคโบณาณประมาณ200ปีที่แล้วซึ่งคนทั่วไปฟังยังไงก็ไม่ไพเราะ ไม่ทำตัวตามกระแส ชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว สุขุม ลุ่มลึก พูดน้อยแต่ถ้าพูดออกมาสักคำอาจทำให้คนรับฟังจุกไปถึงศตวรรษหน้า ใจเย็นดูเหมือนจะเป็นมิตรแต่จริงแล้วไม่ค่อยมีใครคบเพราะพูดรู้เรื่องอยู่คนเดียว รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้างแต่ไม่แสดงออกว่าสนใจแต่อย่างใด ช่างคิด ช่างฝัน ช่างจินตนาการ ประมาณแบบเพ้อๆ ฝันไปเรื่อยไม่เคยเหนื่อยกับการสร้างโลกใหม่ๆให้ตัวเอง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง มีโลกของตัวเอง มีทางเดินของตัวเองกำหนดวิถีชีวิตของตัวเองด้วยตัวเอง

อาการเริ่มต้นของผู้ที่เป็นโรคนี้คือ มักฝังใจอยู่กับอดีตเก่า ๆ ที่ผ่านไปแล้วไม่มีใจให้ปัจจุบันฝันถึงแต่โลกอนาคตอนางอ เก็บความรู้สึกเก่า ๆมาทำร้ายตัวเองเล่นๆให้เย็นหัวใจ หรือไม่ก็ใฝ่ฝันถึงคนในอุดมคติแต่ไม่เคยคิดจะออกตามหาบ้าอยู่แต่กับคนในฝันสร้างนิยายรักให้ตัวเองไปวันๆแบบเพ้อๆรอให้ผู้ที่อยู่ในภาพเบลอๆมาเคาะประตูบ้าน ผู้ที่เป็นโรคนี้ ชื่นชอบกิจกรรมที่ทำคนเดียว เช่น ท่องอินเตอร์เน็ต ตื่นขึ้นมาก็ล้างหน้ากับไฮ5 ออกเดทกับ msn มื้อเย็นกับ บล็อกสปอร์ท นอนกอดอีเมล อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ นอนดูหนังแผ่นเรื่องโปรดเก่าๆที่ที่มีบทโศกตั้งแต่แผ่นแรกจนถึงแผ่นที่100ดูแล้วน้ำตาท่วมใจทันใดก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียนประวัติของตัวเองประมาณว่าตัวเองเป็นนางเอกจินตนาการระดับ5ดาวนั่นแหละเขาเลย (ทำไมเขาถึงแสนเก่งขนาดนี้นะ)

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากพบเจอใครสักคนหนึ่งที่มีโลกส่วนตัวสูง ควรยืนดูเขาอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆอย่าเข้าไปใกล้เขตรัศมีอันตรายเพราะจะทำให้เขามีความรู้สึกว่าถูกคุกคามด้วยความไม่สงบ อย่าแสดงความคิดเห็นเพราะเขารักสันโดษฟีเวอร์ โยนหนังสือปรัชญาให้เขาอ่านเมื่อเขาอาการกำเริบ คือมีทีท่าว่าหงุดหงิดหรือต้องการอะไรสักอย่างแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ อย่าแสดงอาการหงุดหงิดหรือรำคาญใส่เขาเพราะจะทำให้เรายิ่งหงุดหงิดใจเพราะเขาไม่ตอบสนองอารมณ์หรือมีปฏิกิริยาตอบรับจากความรู้สึกที่ถูกสั่นคลอนของบุคคลอื่นอย่างที่เราตั้งใจอยากให้เขาแสดง

คำเตือน!!หากคุณกำลังคบหากับใครสักคนแล้วบังเอิญเขาก็เข้าข่ายว่าเป็นโรคนี้ สิ่งที่คุณควรพึงปฏิบัติเพื่อรักษาสัมพันธภาพระหว่างคุณและเขาไว้นานๆก็คือ เข้าวัดเพื่อฝึกจิตให้ซึมซับคำว่าทำใจและยึดเอาความอดทนไว้เป็นสรณะเพราะว่าการจะไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือแก้ไขวิถีชีวิตของเขานั้นช่างเป็นไปได้ยากยิ่งเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขามีแต่เหนื่อยเปล่าฉะนั้นเจ้าจงยอมรับและทำใจไว้นะจ๊ะเอิ๊กๆๆ......

เขียนจากประสบการเพราะเป็นโรคประจำตัวของกรูเองแรงบันดาลใจจากคำด่าของคนรอบข้าง....กร๊ากๆๆ สงวนลิขสิทธิ์ โดยเจ้าหญิงวัคซีน

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เผชิญหน้าเพื่อหยุดยั้ง

จงเผชิญหน้าเพื่อหยุดยั้งในสิ่งที่เราได้กลายมาเป็น ลบล้างในสิ่งที่เราได้เคยทำมา ปล่อยวางในสิ่งที่เคยทำลงไป ล้มเลิกสิ่งที่กำลังคิดเอาไว้ แล้วมาช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่ใช่สงคราม....เพื่อเมืองไทย..เพื่อสิ่งใหม่..เพื่อเปลี่ยนแปลง

โลกยิ่งกว้างใหญ่จิตใจกลับแคบลงยิ่งค้นหากลับยิ่งไม่เข้าใจไม่มีอะไรเป็นเหมือนอย่างที่มันควรจะเป็น คนมากความรู้ไขว่คว้าหาแต่ความเป็นใหญ่ คนมีความคิดรุ่นใหม่มีความภาคภูมิใจกับการค้าขาย แมกกาซีน คนเดินดินยินดีกับการได้เงินโดยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกาย สังคมวุ่นวายเพราะโลกบรรจุไปด้วยผู้คนที่สมองโลเล ความสันโดษถูกแบ่งแยกออกจากโลกของผู้คนที่มีความคิดแตกต่าง ความโลภเอาชนะศีลธรรมได้อย่างขาดลอย

เทคโนโลยีสร้างสิ่งอำนวยความสุขให้ร่างกายในหน้าจอทีวีแย่งกันขายยาบำรุงกำลัง แต่ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ต่างเร่งรีบกันทรมานร่างกายตนเองให้ยิ่งทรุดโทรม มันเป็นเรื่องน่าอดสูจนไม่อาจจะโทษใครได้สำหรับความเจ็บปวดที่ชีวิตเราต้องเผชิญอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งแย่งกันค้นหาความเสรีที่มันไม่เคยมีอยู่จริง

ความคิดสร้างสรรค์ถูกปิดกั้นจากคนที่มีฝันใหญ่กว่า การทำลายล้างมากมายจบสิ้นลงในความเงียบที่มีเงินตราเป็นตัวกำหนด ความอดทนไม่ได้เกิดมาอยู่คู่กับความสันติความรุนแรงไม่เคยช่วยแก้ปัญหา ความขัดแย้งที่แตกต่างทำให้เราเห็นอะไรมากมายหลายอย่าง แต่มันจะไม่มีความหมายอะไรต่อเราเลย ถ้าเรามองไม่เห็นในสิ่งที่เป็นความจริงสิ่งที่ถูกต้องสิ่งที่แฝงความชั่วร้ายไว้ภายหลังม่านของความสวยงาม

ถึงเราจะไม่อาจทำให้มันถูกต้องได้ทุกอย่าง แต่ทำไมเราไม่หยุดความเลวทรามในสังคมไว้ให้ได้มากกว่าที่มันกำลังเป็นอยู่ เมื่อเกิดความเสียหายมันไม่สามารถโทษใครได้นอกจากตัวเราที่ไม่ยอมเปิดใจเติมเต็มรอยแยกของกันและกัน ความอดทนอยู่คู่กับความรักไม่ได้ ความเข้าใจต่างหากที่ควรเคียงคู่กันไป..การจะประคองให้อยู่กันอย่างสงบได้ตลอดไปเป็นสิ่งที่ยากกว่าการจะทำอย่างไรให้อยู่กันอย่างสันติและรักกัน..

....ฉันเชื่อว่าเราจะเชื่อมั่นกันถ้าเราต่างวางมันลง …. “สิ่งที่อยู่ในใจ”…

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

ปรัชญายุคใหม่(แปลกแต่จริง)

ผู้ชายทำให้ผู้หญิงรู้จักวิธีที่จะร้องไห้ได้ง่ายขึ้น
ผู้หญิงรู้จักวิธีการโกหกโดยไม่ต้องกลั่นออกมาเป็นวาจา
ผู้ชายเมื่อมีปัญหาครอบครัวมักไปหาหมอนวด
ผู้หญิงเมื่อมีปัญหาครอบครัวจะไปหาหมอดู
ผู้หญิงถ้าติดเพื่อนบอกว่ารักเพื่อนแสดงว่าเขายังไม่มีแฟน
ผู้ชายถ้าติดเพื่อนบอกว่ารักเพื่อนแสดงว่ากำลังเบื่อคนที่บ้านเสียเต็มประดา
สิ่งที่พึงปฏิบัติเมื่อนั่งรถไฟ คือห้ามสบตากับคนขายของ
สิ่งที่พึงปฏิบัติเมื่อนั่งรถเมล์ คือได้ที่นั่งแล้วหลับตาให้สนิทหรือทำเหมือนไม่เห็นอะไร
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนมีอำนาจไม่รู้จักคำว่าคนธรรมดาแม้แต่จะให้แสแสร้งก็ไม่สามารถ
คนเป็นนายกต้องเล่นเกมตอบคำถามทุกวันและคำตอบที่ได้ก็มักจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
เกมที่รัฐมนตรีชอบเล่นกันมากที่สุดคือเกมเก้าอี้ดนตรี
โรคประจำตัวของนักการเมืองคือ อัลไซเมอร์
กระจกบ้านนักการเมืองมักเป็นกระจกหลอกเพราะหลายคนส่องแล้วลืมตัว
เงินคือยาเสพติดที่หอมหวานที่สุด
ดารานางแบบเรียนรู้วิธีการเดินด้วยศีรษะที่เชิดสูงจากไฮโซผู้ยิ่งใหญ่
เกิดเป็นดาราต่อให้เป็นดาวค้างฟ้า ก็ต้องถูกคนธรรมดาจิกเรียกว่า ไอ้ อี
ในหน้าจอทีวีมีแต่ผู้รู้เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี
ที่เหนือสุดของปอดคนคือเขตหวงห้ามมีป้ายปักไว้ว่าห้ามเข้าคนเลยอยู่กันอย่างไม่เข้าใจ
โลกยิ่งกว้างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้น้อยลงเท่านั้น
ตัวอักษรที่สร้างให้คนเป็นศัตรูกันคือคำว่า ระหว่างกับเหตุไฉนและไม่มีคำอธิบาย
คำที่สร้างบาปให้คนมากที่สุด คือ คำว่าฉันขอสาบาน
คำหลวงในยุคดิจิตอลไอทีคือ คำว่า..ที่รัก
ไขว่คว้ายากที่สุดคือโอกาส
ไขว่คว้าง่ายที่สุดคือลม
ลึกที่สุดคือใจคน
ตื้นที่สุดคือตัณหาไม่ต้องหาก็เจออยู่ในตัวของทุกคน
ไกลที่สุดคือความคิดในสมอง
ใกล้ที่สุดคืออุปสรรคมีอยู่ทุกที่เจออยู่ทุกเส้นทางที่เราก้าวเดิน
หนักที่สุดคือปัญหาแบกกันจนล้นบ่าแต่ก็ยังไม่วายหากันมาแบก
เบาที่สุดคือหูเอาเงินแสนไปถ่วงก็ยังไม่หายเบา
สิ่งที่เสียบ่อยที่สุดคือ เสียเวลา
สิ่งที่เสียยากที่สุดคือ ความรัก จากไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่ยอมเสียไปสักที
น่ากลัวที่สุดคืออยู่คนเดียว
ชื่นชอบที่สุดคืออยู่กับคนที่รัก
เชื่อง่ายที่สุดคือไสยศาสตร์เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นแต่เห็นตามๆกันและเห็นเหมือนกัน
เชื่อยากที่สุดคือเชื่อมั่นความดีในตัวผู้อื่น
ที่ที่คนไปพูดความจริงกันมากที่สุดคือศาลเจ้าแม่
ที่ที่คนไปพูดโกหกกันมากที่สุด คือ ศาลปกครอง
ที่ที่มีความทุกข์มากที่สุดคือทะเล เพราะใครๆก็เอาความทุกข์ไปทิ้งทะเล
ที่ที่มีความสุขมากที่สุดเป็นที่สุดท้ายที่ทุกคนต้องไป

สงวนลิขสิทธิ์ โดยเจ้าหญิงวัคซีน

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

วอนจันทร์ช่วยไทย

วันนี้คนไทยที่อยู่ใต้ฟ้ารู้ตัวบ้างไหมว่าได้ทำคำว่า ... ยิ้มสยามหายไป ...

แม้โลกวุ่นวายเรื่องร้ายโหมกระหน่ำ แล้วเราเห็นไหมว่าใยดวงจันทร์ถึงยังยิ้มได้ หากค่ำคืนใดมองไม่เห็นจันทร์ก็แค่คืนนั้นเมฆหมอกกั้นไว้ แล้วรอยยิ้มของไทยที่เคยสดใสใครรู้บ้างไหมว่ามีสิ่งใดขวางไม่ให้เจอ...
รอยยิ้มของไทยที่เคยมีให้กันเสมอหากใครพบเจอ ช่วยเก็บกลับมาคืนให้เมืองไทย ให้เหมือนดั่งแสงแห่งรักจากดวงพระจันทร์ที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ห่างเราเพียงไหนก็ยังสาดแสงลงมา แม้ค่ำคืนใดที่ฟ้ามืดมิด ดวงดาวร้างรา แต่เมื่อข้ามผ่านเวลาจันทร์ก็ยังฉายมาเหมือนเคย


...หากเป็นโชคชะตาที่พาใจเราห่างไกลหรือเป็นเพราะใครทำให้เราเผลอล้างใจเราให้เบลอจนลืมนึกถึงว่าเราคือไทย ก็ขอพระจันทร์โปรดช่วยดลให้ผู้คนเหล่านั้นช่วยกันกลับใจ...สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่ใช่สงคราม ..

ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดมิดจนมองไม่เห็นทางในอนาคต...เมื่อคนไทยไม่ลดช่องว่างในใจ
ขอวอนดวงจันทร์ช่วยเสริมพลังเติมความรักสมัครสมานเข้าให้ในใจ...ทำให้ความว่างเปล่ามันจางหายไป..

...ก่อนที่ลูกหลานไทยจะหลงลืมไป...ว่าสยามแห่งไทยก่อนเคยงดงาม...

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความหมายของชีวิต

ความหมายของ "ชีวิต" ในแบบฉบับของฉัน
...
ชีวิตของฉันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมากำหนดกฎเกณฑ์ว่ามันจะต้องอยู่ในรูปแบบไหนและเป็นไปในอย่างที่ใครอยากให้เป็นและต้องการคาดหวังให้ฉันต้องเป็นในรูปแบบใดๆ
เมื่อฉันมีสิ่งที่เรียกว่าหัวใจที่เป็นของฉัน..ชีวิตของฉันก็ต้องมีอิสระที่จะเลือกในสิ่งที่ฉันอยากจะทำอยากจะเป็นในรูปแบบที่ฉันพอใจถึงแม้ว่ามันจะดูขัดตาขัดใจต่อความรู้สึกของใครๆหลายคนก็ตาม...

ฉันรู้แต่เพียงว่า …การได้เกิดขึ้นมาแล้วได้ทำตามฝันตามความรู้สึกของตัวเองคือสิ่งที่ถูกต้องเป็นการตอบสนองจิตตนอย่างซื่อสัตและจริงใจกับตัวเองเป็นที่สุด โดยที่บางครั้งสิ่งที่เป็นความฝันนั้นมันจะไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จและความพึงพอใจให้กับคนรอบข้าง

เมื่อฉันเลือกที่จะทำต่อให้ผลมันออกมาเป็นศูนย์อีกสักกี่ครั้งฉันก็จะไม่มีวันล้มเลิกความพยายาม
ฉันรู้ว่าการจะเดินตามฝันมันต้องใช้เวลาไม่มีใครได้ทุกอย่างมาอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ผ่านการทดสอบใดๆ..บางอย่างที่เราได้มาบางครั้งเราก็ต้องเสียบางอย่างให้กับสิ่งนั้นไป

อุปสรรคหลายต่อหลายครั้งที่เข้ามาบั่นทอนพลังใจ มันไม่ได้ทำให้ฉันต้องหวั่นไหว ถึงฉันจะแพ้หรือชนะไม่ใช่เป็นเพราะฟ้าเล่นเกมอะไร...แต่มันอยู่ที่ว่า..ฉันไม่ได้มีฟ้าเป็นคู่แข่งในเกมของฉันต่างหาก
...
เมื่อฉันมีความฝัน...
ฉันมักจะใช้หัวใจนำทางมากกว่าการใช้เหตุและผลเพื่อดูความเหมาะสมมาวัดผลของความสำเร็จและความน่าจะเป็นไปได้ใดๆ...เพราะว่าฉันไม่ต้องการที่จะสูญเสียเสียงข้างในหัวใจของฉันไป
ด้วยเหตุนี้แม้คนทั้งโลกจะมองว่าฉันบ้าบอกว่าฝันของฉันมันไม่ใช่มันเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยไม่สร้างสรรค์หาความจริงไม่ได้

แต่เมื่อเสียงของหัวใจมันบอกให้ทำ...ฉันก็จะทำตามเสียงของหัวใจ...
เพราะฉันรู้ว่าสิ่งที่เลื่อนลอยไม่เคยทำร้ายใคร..ซึ่งก็เหมือนกับความฝันของฉันมันก็ไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือดร้อน..เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันถึงเลือกที่จะก้าวเดินตามทางที่ฉันได้ฝันไว้ต่อไป

“และนี่ก็คือความหมายที่แท้จริงที่สุดของการมีชีวิตอยู่ในความรู้สึกซึ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะตัวของฉัน ซึ่งคนที่ไม่มีความฝันคงจะไม่เข้าใจ”

...สำหรับหัวใจทุกดวงที่มีความฝัน...
เมื่อพบกับขวากหนามไดๆก็จงอย่าหวั่นกลัวจนทำให้ต้องสูญเสียพลังความฝันไป
...
ส่วนหัวใจดวงใด...ที่ยังไร้ความฝันมองไม่เห็นทางที่จะก้าวไปก็จงพยายามต่อไปจนกว่าจะได้พบกับสิ่งที่ฝัน..
“หากคุณพยามค้นหาแล้วยังไม่พบ...ก็จงรอต่อไป”

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความห่วงใยจากสายลม

หากฉันมีกล่องสักหนึ่งใบไว้ใส่คำอธิษฐาน 
 ฉันจะเก็บเกี่ยวภาพความทรงจำจากวันวานล็อกใส่กุญแจไว้ 
แล้วส่งไปให้กับสายลมช่วยพัดพา
เอาความสุขสงบมาสู่ใจของคนไทย 
ขอวานสายลมช่วยดลใจ...เติมเต็มรอยแยกตรงกลางใจ
ของพี่น้องผองไทยทุกๆคน
 ให้เรื่องราวแต่ก่อนเก่าเฝ้าย้ำเตือนความทรงจำ 
 ให้รักช่วยชุบใจ ให้ฟากฟ้าโอบกอดไว้
 ให้พระจันทร์ขับกล่อมความระทม
 ให้เธอจงซึมซับความสงบและสันติ
 ปล่อยใจเปิดตาที่มีม่านบางอย่างมากั้นไว้
 ให้ไอรักสมัครสมานเข้าไปสถิตอยู่กลางใจ
 อุปสรรคทั้งหลายให้เลือนรางจากสายตา

เพื่อนไทยเอย ช่วยสงบและรับฟัง
ในความทรงจำแม้ภาพนั้นจะสั้นและเลือนราง
แต่วันนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงจะกล่าวขาน
เรื่องราวที่บัดนี้เกือบจะเป็นเหมือนตำนาน
 สายลมแห่งความรักจะบัลดาลภาพความสุขอมตะที่เป็นนิรันกาล
 สายลมแห่งการให้อภัยจะช่วยประสานรอยร้าวรานของคนไทย
ให้หวนคืนความสดใสผ้นกลับไปยังวันวาน
 แต่ก่อนเก่าเราร่วมกันฝ่าฟันมาเคียงบ่าเคียงไหล่จนเป็นไทย 
 แต่บัดนี้เริ่มเปลี่ยนไปดังสายลมพัดพาไปไม่ถึงกัน

 พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนนภาท่านได้ยินเสียงร่ำหาความเป็นธรรม
เมื่อรู้ว่าเสียงหัวใจไทยร้องร่ำ...จึงบอกผ่านพระอาทิตย์ให้ช่วยมอง
และขอร้องให้สายลมช่วยเปลี่ยนแปลง

วันนี้ก่อนที่มันจะสายจนเกินไปอยากให้ไทยช่วยสิ้นสุดกันเสียที
 เราได้ก้าวผ่านคืนวันเวลาดีๆเหล่านั้นมากันไกลแสนไกล
 จนทำให้เราเกือบจะหลงลืมความเป็นไทย
รอยยิ้มไทยครองในห้องหัวใจอันร้าวราน 

ฉันรู้ว่าถึงมันจะไม่ง่าย
ถึงเพื่อนไทยทั้งหลายจะยังไม่ได้สติอย่างใจหวัง
 ถึงปริศนาที่คาใจไม่ได้ไขให้ปรากฏเป็นพลัง
 เช่นนั้นเราก็ควรปลดลดที่หัวใจ...สลักความชอกช้ำกับผืนทราย
คลื่นทะเลจะซัดสาดเรื่องร้ายๆให้สลาย
ภายใต้อ้อมกอดฟ้าสีคราม

...ตราบเท่าที่พระอาทิตย์ยังคงทอประกาย ขอให้ไทยจงมั่นไว้ในความงาม กิตติศัพท์มากมายที่ร้ายๆอย่าได้ทำให้เราต้องอับอาย ความงดงามของไทยไม่เคยจะเลือนหายแค่วันนี้เมฆครึ้มกั้นบังไว้เมื่อคราใดที่พระอาทิตย์สาดลงไปเมื่อนั้นเมืองไทยจะพบทาง...

                                             

                                ...วัคซีน...

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ศิลปะแห่งรัก

ความรักมีรูปแบบหลากหลาย มีแบบฉบับเฉพาะตัวของใครก็ของคนนั้น รักไม่มีแบบ ไม่มีระเบียบ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่เคยทำให้ใครหยุดคิดในเรื่องความรัก ความรักไม่ใช่ปัจจัยในการดำรงชีวิต แต่ความรักสามารถหล่อเลี้ยงและชุบชีวิตที่กำลังจะเฉาตายให้ฟื้นคืนใหม่อีกครั้ง

ความรักมักเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งใจ แล้วก็มักจากไปอย่างไร้ล่องรอย ความรักไม่มีวันตายแต่เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่เคยเติบโตได้อย่างสมบูรณ์สักที

ความรักคือการเรียนรู้ศิลปะชีวิตของคนที่เราคิดจะรัก แต่ใช่ว่าความรักจะทำให้คนที่เรารักจะเข้าใจและรับรู้ทุกอย่างในสิ่งที่เราคิด

ความรักไม่มีพิษ แต่มีฤทธิ์มีเดช บางเวลาก็บัลดาลให้คนซึมเศร้า บางครั้งให้เอาแต่ใจ บางทีให้มีแต่ให้ แต่หากวันไหนไม่ถูกใจก็แผดเผาให้วอดวายบรรลัยกัน

วันนี้ก่อนที่คุณคิดจะมีรัก คุณเข้าใจความรักและเรียนรู้ความต้องการของหัวใจคุณดีหรือยัง แล้วคุณเคยรู้บ้างไหมว่า คนที่คุณรักเค้าไม่ต้องการให้คุณบอกเค้าภายหลัง ในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำที่คุณเคยบอกกล่าวกับเค้าในตอนแรก

เมื่อรักต้องลืมว่าเราเคยเจ็บมายังไง เมื่อรักต้องลืมว่าคนเก่าดียังไง เมื่อรักต้องอย่าลืมว่าเราเคยห่วยเรื่องอะไร เมื่อรักจงอย่ามองเขาดีเกินไป เมื่อรักต้องถามว่าหัวใจเราว่าต้องการคนแบบไหน เมื่อรักอย่าคาดหวังให้เขาดีกับเราอย่างไร เมื่อรักต้องรักอย่างเชื่อใจ และเมื่อเลิกรัก อย่าบอกว่าเขาดีเกินไป

!!อย่าเอาความรักที่สวยงามมาเผาเล่นเพื่อดับไฟในอารมณ์!!

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พรุ่งนี้ต้องดีกว่าหากเราตั้งใจ

การได้เกิดมามีชีวิตใช้เวลาแค่เพียงแค่ไม่นาน...แต่ในการจะทำให้ชีวิตที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วมีค่ามีความหมายมีความดีงามสร้างไว้ให้ประวัติศาสตร์ได้จดจำอาจต้องใช้เวลาชั่วชีวิตในการแสดงให้เห็นถึงการกระทำนั้น หลายหนหลายครั้งที่การกระทำถูกปฏิเสธถูกคนมองไม่เห็นถึงคุณค่า หลายครั้งที่การกระทำของเราที่คิดว่าดีแล้วนั้น...กลับย้อนมาสร้างความกดดันและบั่นทอนกำลังใจของตัวเราให้หดหายเสื่อมถอยด้วยค่าลง หลายครั้งที่เราก็ไม่อยากจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ หลายครั้งเราไม่มั่นใจในความคิดของคนอื่นว่าจะมีความจริงใจและเปิดรับในสิ่งต่างจากความคิดอีกมุมหนึ่งที่เขาควรจะรับไว้บ้างเพื่อพิจารณาก็ยังดี..

ด้วยเหตุนี้จึงมีอัจฉริยะบุคคลมากมายที่มักจะถูกลืม และด้วยเหตุนี้จึงทำให้อัจฉริยะบุคคลทั้งหลายที่มีความมั่นใจน้อยต้องจมตัวอยู่กับคำถามและความน้อยอกน้อยใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าคนเราทุกคนมีความตั้งใจและมั่นคงกับจิตใจของตัวเองอย่างแรงกล้า...เวลาที่เราเลือกจะทำอะไร..ไม่ว่าผลมันจะออกมาอย่างไรก็จงอย่าเสียใจในสิ่งที่เราได้กระทำ แต่จงมั่นใจภูมิใจวางใจปล่อยใจในสิ่งที่คุณได้กระทำไปแล้ว และจงเสียใจในสิ่งที่คุณคิดได้แต่ไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย..เพียงแค่นี้ความคิดดีๆมันก็จะยังคงคุณค่าอยู่กับเราได้ตลอดไป แก่นแท้ของความเป็นปราชญ์ต่อให้เวลานี้ตอนนี้ยังไม่มีใครคนใดมองเห็นต่อให้เวลาผ่านไปนานสักเท่าไหร่ต่อให้คุณต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิตในการแสดงให้เห็นก็ไม่ได้ทำให้บุคลิกเนื้อแท้แห่งความเป็นปราชญ์นั้นเสื่อมด้วยสูญค่าลงไป

มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาชนะ ความโง่ ด้วยการท้อแท้และถอยไปเพราะการต่อสู้กับอุปสรรคก็คือการเอาชนะความไม่รู้ของเรา เมื่อไหร่ที่เราได้เป็นผู้ชนะเมื่อนั้นเราก็จะหลุดพ้นจากความไม่รู้ หลุดจากคำถามที่ตั้งโจทย์จากความโง่เง่าเพื่อรอให้คนอื่นมาตอบ เพราะคำตอบที่เราต้องการไม่ได้มาจากคนนอกแต่แท้จริงแล้วเราต้องหามันจากจิตวิญญาณของเรา...วันนี้ก่อนที่คุณคิดจะทำอะไรเคยตั้งถามกับตัวเองบ้างไหมว่าคุณได้ทำจากจิตวิญญาณหรือเปล่าและคุณต้องการอะไรในสิ่งที่คุณกระทำ?


...... เมื่อไหร่ที่เราปล่อย ให้ความรู้สึกอ่อนไหวในจิตใจของเราลำพองตัว เมื่อนั้นมันก็จะเข้ามาดึงเอาความฝันของเราไป และเมื่อนั้นเราก็จะกลายเป็นบุคคลที่ได้รับโล่ ว่าเป็นผู้ที่มีความโง่เขลาเป็นอันดับหนึ่งของจักรวาลอย่างเต็มตัว และเมื่อนั้นเรามั่นใจไหมว่าเราจะยอมรับตราโล่อันนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ....

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

น้ำค้างละเมอ

ในชีวิตของใครๆหลายคนอาจจะมีความทรงจำดีๆในชีวิตได้ไม่บ่อยครั้งแต่ถ้าจะให้พูดถึงอารมณ์ของความล้มเหลวผิดหวัง เชื่อได้ว่าคำๆนี้หลายๆคนคงจะไม่มีใครบอกว่า ไม่รู้จักและคุ้นเคยกับมันหรือบางคนอาจจะพูดได้ว่า !! ฉันนี้แหละ!!ทำไมนะฉันถึงต้องซวยพบกับมันอยู่บ่อยๆด้วย!! และหนึ่งในผู้คนเหล่านั้นฉันขอยอมรับว่าตัวของฉันตอนนี้กำลังประสบพบเจอกับอารมณ์นี้อีกครั้งหนึ่งแล้วครับท่าน ..

ฉันรับรองว่าอารมณ์อย่างนี้เมื่อมันแวะเวียนเข้ามาหาใครสักคน คนๆนั้นไม่ว่าจะมีความสามารถ และเข้มเข็งสักปานใด ก็คงจะหลบซ่อนตัวให้พ้นจากความรู้สึกเจ็บปวดไปไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ว่าคุณจะไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนมันก็จะตามไปจิกไปกัดคุณทุกๆที่ ตราบเท่าที่คุณยังมีอารมณ์และความรู้สึกร้อนหนาวอยู่ และใครๆหน้าไหนก็ไม่อาจจะเข้ามารับรู้และสับเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกไปจากตัวคุณได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้นที่จะต้องอดทนแก้มันให้ผ่านพ้นไปด้วยตัวของเราเองอย่างท้อๆแต่ก็ต้องทำ เพราะว่ามันเป็นปัญหาของเรา

มีใครหลายคนชอบบอกเอาไว้ว่าไม่เคยมีอะไรที่จะคงอยู่ไปได้ชั่วนิรันดร์ แต่รู้ไหมว่าคำพูดคำนั้นคนที่พูดมันออกไปคงจะกำลังลืมไปสักอย่างหนึ่งว่า บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่มันไม่เคยมีที่สิ้นสุด และมันก็ไม่เคยออกห่างเราไปได้เนิ่นนานและยาวไกลเลยสักที...สิ่งๆนี้ก็คือสิ่งที่ใครๆเค้าก็เรียกกันว่าปัญหาไง..ฉันเคยตั้งคำถามกับตัวเองหลายครั้งว่าปัญหาและความทุกข์มันจะไปสิ้นสุดกันตรงไหน แต่ก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลยสักที เพราะเท่าที่ตัวเองได้มีชีวิตอยู่นี้ก็ยังไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถอยห่างไปจากมันได้นานๆหรือว่าตลอดไป

หากตรงไหนสักแห่งบนโลกใบนี้จะพอยังมีผู้วิเศษคนใดอาศัยอยู่ ก็ขอให้พระเจ้าช่วยส่งเขามาทีได้ไหมช่วยมาสอนฉันให้ได้รู้ไปทีเถอะว่าปัญหามันต้องการอะไร มันศึกษาหลักสูตรทรมานคนมาจากสำนักไหนทำไมมันถึงเก่งกาจได้ใจขนาดนี้ และคนบนโลกใบนี้จะมีใครสักคนไหมที่จะเอาชนะปัญหาได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียกำลังใจและอะไรไปทั้งสิ้นขอได้ไหมใครสักคนช่วยมาตอบให้ฉันฟังสักครั้งได้ไหม ฉันจะได้หมดความสงสัยไปเสียที


ฉันไม่ได้ต้องการอยากมีชีวิตที่รุ่งเรืองสดหรือว่าอยากจะบินสูง ระฟ้าอยู่ตลอดไปเพียงแต่ฉันต้องการที่จะค้นหาตัวตนที่ดีกว่าเท่าที่เป็นอยู่และต้องการที่จะให้ตัวเองเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ดีกว่ามันมีค่าและคุ้มค่าเมื่อเราได้ตั้งใจออกค้นหามันจนเจอ ..นี่แหละชีวิตของฉันที่วันๆก็เฝ้าแต่ละเมอให้เจอในสิ่งที่ฝัน.. และเมื่อตื่นขึ้นมามันก็ยังคงเป็นแค่สิ่งที่ฝันไว้และไม่นานมันก็หายไป...เฮ้อ..เศร้าต่อไป...แต่จะไม่ยอมหยุดฝัน..

...ถ้าความคิดเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึก ฉันก็จะเลือกคิดเลือกฝันถึงแต่เรื่องที่ฉันรู้สึกดี...ความฝันของฉันถึงมันจะเลือนรางและแผ่วเบาแต่มันก็มาจากความตั้งใจของหัวใจที่มั่นคง...

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คู่ชีวิต

หากชีวิตต้องมีถ้อยคำว่ารัก และใครก็อยากรู้จัก
จะมีสักกี่คนที่โชคดี รักที่ใครเฝ้าคอยตามหา ถ้าเจอสักคนที่โชคชะตาบันดาลให้มาเป็นคู่กัน
และวันนี้ฉันมีเธอจับมือเคียงข้างกัน ถึงชั่วนิรันทร์ ไม่มีสักวันต้องแยกทาง
เธอใช่ไหมกำหนดไว้เป็นใครคนนั้น ที่วันนี้เราได้พบกันได้รักกัน
ช่างเป็นของขวัญที่แสนดี เธอได้ไหม อยากจะให้เป็นคู่ชีวิต อยากจะรักกันเนิ่นนานเรื่อยไป
โปรดอย่าพรากหัวใจให้เลิกรา
หนึ่งชีวิตอยากมีสักคนแค่นี้ จะเสียน้ำตากี่ที ก็พร้อมยินดีให้ได้มา รักต้องการได้เจอกับรัก
ต้องการสักคนไว้รับฝาก ชีวิตจวบวันที่สิ้นใจ และวันนี้ฉันมีเธอจับมือเคียงข้างกัน ถึงชั่วนิรันทร์
ไม่มีสักวันต้องแยกทาง เธอใช่ไหมกำหนดไว้เป็นใครคนนั้น ที่วันนี้เราได้พบกันได้รักกัน
ช่างเป็นของขวัญที่แสนดี เธอได้ไหม อยากจะให้เป็นคู่ชีวิต อยากจะรักกันเนิ่นนานเรื่อยไป
โปรดอย่าพรากหัวใจให้เลิกรา เธอใช่ไหมกำหนดไว้เป็นใครคนนั้น ที่วันนี้เราได้พบกันได้รักกัน ช่างเป็นของขวัญที่แสนดี
เธอได้ไหม อยากจะให้เป็นคู่ชีวิต อยากจะรักกันเนิ่นนานเรื่อยไป โปรดอย่าพรากหัวใจให้เลิกรา

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กรวดน้ำให้คนที่ชั่วอย่างตั้งใจ

อดีตมันผ่านไปแล้ว แต่ฉันกลับยังรู้สึกเหมือนว่า ชีวิตฉันกำลังถูกหักหลังจากกาลเวลา
มีใครบางคนเคยบอกเอาไว้ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และซักวัน ความจริงจะต้องเปิดเผย
และเมื่อถึงตอนนี้เมื่อความจริงเผยตัวออกมา ฉันก็กำลังเจ็บปวดเพราะต้องมารับรู้เรื่องราวของความจริง
เจ็บปวดที่ต้องมาบอกกับตัวเองว่าต้องทำใจ เจ็บปวดที่ต้องมารับรู้ว่ามีบางคนตั้งใจให้ทุกสิ่งอย่างต้องออกมาเป็นอย่างนี้ ความฝันที่เคยมีบัดนี้หายลับไปกับน้ำตาที่มันไหลไป
และฉันก็จะไม่ปล่อยให้มันไหลย้อนกลับมาซ้ำเติมตัวฉัน
ให้ได้รับรู้อีกว่าตัวฉันนั้น ..โง่เง่า..แค่ไหน


ฉันพยายามบอกกับตัวเองว่าเรื่องร้ายๆเดี๋ยวไม่นานมันก็จะผ่านไป
แต่รู้บ้างไหมว่ามันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่ใครๆชอบบอกเอาไว้ว่าให้หลับตาแล้วลืมมันไป
สิ่งที่ทำได้คือพยายามที่จะไม่ไปนึกถึงมันซึ่งมันก็ยากเย็น
เพราะในความเป็นจริงชีวิตคนทุกคนที่ประกอบไปด้วยเลือดเนื้อควบคุมด้วยระบบสมองและหัวใจ
ย่อมไม่อาจจะฝืนและต้านทานปฏิกิริยาธรรมชาติของความรู้สึกในจิตใจของตัวเองได้
ฉันไม่อาจให้สัญญากับตัวเองได้ว่าฉันจะรักษาหัวใจฉันให้หายเป็นปกติได้ทันที
แต่ฉันจะสัญญากับตัวเองว่า ฉันจะไม่มีวันให้พวกที่ทำให้ฉันต้องเสียใจ
ได้เห็นน้ำตาของฉัน..พวกเขาจะไม่มีวันได้สะใจที่ทำได้อย่างที่ใจคิด
...เก่งนะที่ทำให้คนอย่างฉันคนนี้เชื่อได้สนิทใจในความดี...
เก่งนะที่พยายามบอกว่าไม่มีทางเลือกใด เก่งนะที่หลอกกันได้ตลอดเวลาอันยาวนาน
เก่งนะที่ยังไม่รู้สึกเสียใจอะไร เก่งนะที่ยังเชิดหน้าชูตาได้อย่างสบาย
เก่งนะที่เกิดมาทำได้ถึงขนาดนี้..ขอให้มีความสุขและภาคภูมิในความเก่งที่มีมากับตัวอย่างตั้งใจ
...สุดท้ายขอให้เก่งอย่างนี้ได้ตลอดไป...โชคดีมีชัยขอให้ได้ทุกอย่างดังใจที่หวัง...


!!แต่พวกคุณจะรู้กันบ้างไหมว่าหากบนโลกใบกลมๆแห่งนี้ธรรมชาติยังไม่หยุดทำงานผิดพลาด จนทำให้ได้เกิดสร้างคนอย่างพวกคุณให้ได้เกิดขึ้นมาถึงแม้ว่าจะมีสักเพียงแค่หนึ่งคนในชั่วร้อยชาติพันปี ก็ยังถือได้ว่ามีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ!!

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

จงมั่นใจ แล้วเธอจะบินได้สูง

วันนี้เธอเหนื่อยใช่ไหม ที่ข้างนอกมีแต่ความวุ่นวาย
แต่เธอกลับเหมือนเดินอยู่บนเส้นทางที่แสนเปลี่ยว
เธอต้องนั่งเศร้าคนเดียว ทั้งที่เธอเคยทำประโยชย์ให้กับคนตั้งมากมาย
เธอคงรู้สึกว้าเหว่และคงจะรู้สึกว่าการที่เธอจะผ่านมันไปได้
ก็คงจะไม่ง่ายสักเท่าไหร่ หากเธอจะรู้สึกผิดหวัง คลุ้มคลั่ง
ร้องให้ฟูมฟาม ก็จงปล่อยให้อารมณ์เธอทำไป
เพราะอย่างน้อยอาการเหล่านั้นมันจะช่วยให้เธอได้ระบายความเหงา
ความเศร้าลำพังเธอรู้ไหม ถึงมันจะทรมาน แต่มันก็ไม่ทำให้เธอตาย
เธอจงอย่ากลัวว่าเธอจะไม่เหลืออะไร เพราะแท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เอาอะไรมา
เธออย่ากลัววันข้างหน้า เพราะมันยังมาไม่ถึง
อย่าเกลียดเมื่อวานนี้ เพราะมันทำให้เธอมีวันนี้
และจงภูมิใจในวันนี้ ที่ทำให้เธอมีอยู่อีกวัน
จงภูมิใจในเมื่อวานนี้ที่ทำให้เธอรู้จักคุณค่าของคืนวัน
..จงเชื่อในวันพรุ่งนี้ว่าเธอยังมีความหวัง..
"หากว่าวันนี้เธอเลือกที่จะจากไป แล้วพรุ่งนี้จะมีอะไรให้เธอทำ"
...เธออย่าลืมว่าเธอยังมีความฝัน ขอเพียงเธอมั่นใจ แล้วเธอจะบินได้สูง...

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

ปัญหาสร้างปรากฏการณ์

เมื่อปรากฏการณ์บางอย่างทำให้เราไม่เชื่อในเรื่องของความมีอยู่จริงของเจตนาดีในตัวมนุษย์ เมื่อเหตุผลที่น่าจะได้รับคำชมเชยกลับกลายเป็นเหตุผลทึ่ถูกตำหนิ เมื่อกุศลจิตเจตนาดีกลับไม่ต่างอะไรกับการวางแผนฆ่าตัวตาย เมื่อคนรัก เพื่อนรัก ลูกจ้างไม่ต่างอะไรกับงูพิษ เมื่อความรู้สึกนึกคิดของคนที่เรารู้สึกรักและคุ้นเคยไม่เป็นเหมือนอย่างเก่า เมื่อเจตนาดีไม่เคยมีใครมองเห็นและไม่เคยให้หลักประกันใดๆกับใครเลย มีใครรู้บ้างไหมว่าทำไมโลกมนุษย์ถึงเป็นเช่นนี้ ความเป็นจริงทางกายภาพขัดกับความเป็นจริงในหลักศีลธรรมโดยสิ้นเชิง แล้วจะมีสักกี่คนที่บอกกับตัวเองได้ว่าทำไม??

ปรัชญาบอกว่าเป็นเพราะคนเเราส่วนใหญ่ มักให้อารมณ์ตัดสินปัญหาโดยไม่ใช้ปัญญา และไม่เข้าใจธรรมชาติของทุกๆสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้อย่างแท้จริง
ธรรมชาติเป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่ง คือเกณฑ์ตัดสินความผิดชอบชั่วดี ดังนั้น ผู้ที่มีปัญญาจึงมั่นรักษาบ่อเกิดนี้ไว้ เพื่อเข้าใจรากเหง้าของสรรพสิ่งและย่อมมั่นพิทักษ์กฎเกณฑ์นี้ไว้เพื่อความเข้าใจสาเหตุแห่งแพ้และชนะ ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดปัญหาจงตั้งตนนิ่งพิจารณาเหตุด้วยความสงบ ปล่อยให้ความหมายในตัวของสรรพสิ่งชักนำไปเองและปล่อยให้ปรากฏการณ์ทุกเรื่องกำหนดตัวของมันเอง

ไม่ต้องกลัวใครๆจะเข้าใจว่าเราเป็นคนโง่ ขอเพียงเก็บงำประกาย แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเพียงเท่านี้ก็อาจสืบเรื่องราวที่อยากจะรู้ได้โดยไม่ยากและเมื่อสืบเรื่องราวใดๆได้สักเรื่องหนึ่ง ความลับต่างๆมากมายที่หลบซ่อนตัวอยู่ก็จะค่อยๆทยอยกันเปิดเผยตัวออกมาเอง นี่คือบทสรุปและวิธีการของคนที่มีอัจฉริยภาพทางด้านความคิดเขากระทำกัน ซึ่งจะผิดกับคนบางคนที่มี ประทุฐจิต ด้วยการเอาตัวเข้าแลกโดยมุ่งหวังจะได้ลาพยศ และสินบนอันโอชาแต่ละเลยมองข้ามศักศรีของตัวเองและบั่นทอนคุณค่าในตัวของบุคคลอื่น

!! คนที่ไร้ซึ่งสติปัญญามักจะลืมคิดไปว่า วิธีการบางอย่างใช้ได้กับคนแค่เพียงบางคน และวิธีการที่เคยใช้ได้กับคนบางคนหากนำมาใช้กับคนบางคนมันจะทำให้ตัวเองจนใจได้!!

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552

คนไทยด้วยกัน ทำไมทำกันอย่างนี้

วันนี้พระเจ้าเสียสติ พระอาทิตย์สิ้นแรง ดวงดาวไม่อาจส่งแสง ผู้หลักผู้ใหญ่ทำอะไรไม่ได้กฎหมายค้ำคอ นายกเป็นสุภาพบุรุษจนกว่าชีวิตจะหาไม่ รัฐมนตรีนั่งสาดแต่น้ำลาย ประชาชนวุ่นวายกฎหมายเป็นหมันไม่อยากจะเชื่อว่าประเทศไทยจะถอยหลังได้ถึงขนาดนี้ทั้งที่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคของโลกโลกาภิวัตน์โลกของข้อมูลข่าวสารแต่ทำไมความสมัยใหม่มันไม่ได้ทำให้คนไทยเปลี่ยนความคิดเป็นคนสมัยใหม่ได้บ้างทำไมยังถูกครอบงำจากความบ้าป่าเถื่อนยังทำตัวเหมือนคนยุคหิน ความคิดเหตุผลในสมองหายไปไหนหมด คำที่เคยพร่ำบอกว่ารักเมืองไทยวันนี้ลืมกันไปหมดแล้วหรือไง


สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้หัวใจคนไทยหลายคนแทบสลาย ทุกอย่างในสมองว่างเปล่าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสายตา...ภาพคนในเมืองไทยทุบหม้อข้าวของตัวเอง ภาพที่เห็นไม่อาจมีคำใดๆมาอธิบายเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ ทุกอย่างมันว่างเปล่าภาพทุกภาพที่เคยมีมายาวนาน.... บัดนี้ว่าง หัวใจทุกดวงเลือนรางมันว่างเปล่าไม่อาจทดแทน ใครบอกได้บ้างว่าบ้านเมืองเราตอนนี้ทุกคนเป็นอะไร ผู้หลักผู้ใหญ่ทำอะไรกันอยู่ แล้วคนไทยกลุ่มนั้นเค้ารู้ไหมว่าเขาได้ทำอะไรลงไป แล้วที่พวกคุณพากันโห่ร้องคุณสนุกกันมากใช่ไหม เห็นความพินาศของประเทศไทยคือความภูมิใจอย่างยิ่งของพวกคุณงั้นหรือ ภารกิจอันยิ่งที่พวกคุณร่วมกันทำมันคือการทำความพินาศให้ประเทศไทยแล้วตอนนี้คุณทำสำเร็จแล้ว พวกคุณพากันร่วมฉลองในความสำเร็จที่เห็นเมืองไทยพินาศวอดวาย โถ!!นี่หรือคนไทย นี่หรือสยามเมืองยิ้ม


วันนี้พายุพัดบ้านที่โอนเอนไม่แข็งแรงของเราจนเกือบพังกำแพงบ้านของเราก็ไม่อาจป้องกันอะไรให้เราได้ มันเป็นเพราะอะไร ?? ผู้คนมากมายที่เขากำลังทำร้ายเมืองไทยที่เขากำลังอยู่ในเส้นทางที่ผิดมีใครจะนำพวกเขากลับมาได้บ้าง ใครก็ได้ซักคนที่เข้าใจว่าตอนนี้เรากำลังเผชิญอยู่กับอะไรช่วยเข้ามาช่วยประเทศไทยหน่อยได้ไหมหรือว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆจนกว่าเราจะสิ้นประเทศไทย.. วินาทีนี้หัวใจหลายดวงของคนไทยเจ็บปวดแทบสลาย.. ทุกๆความฝันพังทลาย....พวกผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายภาพที่พวกคุณมองเห็นวันนี้...ขอถามหน่อยว่าพวกคุณรู้สึกกันยังไงทุกๆรอยช้ำแห่งความผิดหวัง ความรู้สึกเจ็บปวดของหัวใจทุกดวงหรือแม้แต่หัวใจของคุณก็ยังร่ำร้องว่ามันไม่ยุติธรรมแล้ววันนี้วินาทีนี้มันจะทำให้พวกคุณตัดสินใจกันได้หรือยังว่าควรต้องทำอะไร


ทุกคนบอกว่ารักประเทศไทยบอกว่ารักความเสรี แต่สิ่งที่ทุกคนแสดงให้เห็นมันกลับเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเราทุกคนอาจหลอกโลกกลมๆใบนี้ได้ แต่ไม่อาจหลอกลวงหัวใจตัวเองได้การกระทำวันนี้มันฟ้องทุกอย่าง ภาพของวันนี้มันเป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าคนไทยรักประเทศของตัวเองรูปแบบไหน และเมื่อมาถึงวินาทีนี้เมื่อความพินาศบังเกิดเราคนไทยทุกคนกำลังนับเวลาถึงการเริ่มต้นครั้งใหม่อีกแล้ว และมันจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหม??


จะมีบ้างไหมรัฐบาลที่เป็นความหวัง เป็นความฝัน เป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนที่รักษาสัจจะ เข้าใจเหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ต่อไปและความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น ฉันเข้าใจว่าไม่มีใครสามารถเป็นคนที่ดีพร้อมได้แต่พวกคุณก็ต้องเข้าใจว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณพูดได้นอกจากคุณจะเป็นคนกระทำให้สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง หยุดสร้างภาพหยุดหลอกลวงหยุดมอมเมา ประเทศไทยไม่มีเวลาให้คุณเล่นเกมกันแล้ว.. พวกคุณยังจะให้คนไทยต้องรอและยังต้องนับหนึ่งกันอีกนานเท่าไร หรือว่าจะรอให้ถึงเวลาที่ดาวตกทุกดวง...อยากจะน้ำตาร่วงกันอีกครั้ง...อย่างนั้นหรือ??

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

ความฝันที่หายไป



ได้แต่นอนมองดูความฝันของฉันที่กำลังล่องลอยจากไปอย่างช้าๆ
..ได้แต่นั่งตัดพ้อกับโชคชะตา..
ว่าทำไมถึงต้องซ้ำเติมกันซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่คิดจะปราณี
เวลาที่ต้องติดอยู่ในห้วงเวลาของความผิดหวัง
ช่วงที่ชีวิตพลิกผันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและเตรียมใจ...
ชีวิตทั้งชีวิตเหมือนติดกับดัก..ที่ไม่สามารถจะเคลื่อนไหว
ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้..แม้แต่เสียงที่ตะโกนออกไปก็ยังไม่ดัง
..ทำดีที่สุดได้แค่นั่งภาวนา..
รอให้ใครสักคนผ่านเข้ามาแล้วช่วยตัดเชือกที่มันผูกติดขาฉันไว้
..แต่ที่สุดของความเลวร้ายก็คือ..
รอบๆตัว...ที่ฉันมองไปกลับกลายเป็นความว่างเปล่า..

..แล้วนี่ฉันจะต้องทำอย่างไรต่อไป...
..ได้แต่ถามดาว..
ท้องฟ้า..จะรู้บ้างหรือเปล่าตอนนี้ฉันเศร้าเหลือเกิน
ฉันพยายามหลอกตัวเองว่าฉันยังไหว
สั่งหัวใจให้ช่วยปลอบตัวเองว่าต้องเข้มแข็งเข้าไว้
แต่น้ำตาสิมันกลับไม่ยอมที่จะหยุดไหล...
และฉันก็คงต้องปล่อยให้มันไหลไป...

สุดท้าย..ฉันจะบอกกับตัวเอง..ให้คิดว่า..
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมา...มันคงเป็นเรื่องของชะตากรรม...

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

ขอบฟ้า ขอบฝั่ง ความหวัง แผ่นดิน

ฉันรอนแรมมาไกลในทะเลด้วยเรือน้อยลอยไปไม่รู้ทาง
ตรงขอบฟ้ามองไปยังไม่เห็นขอบฝั่ง
ต้องเดินทางไปอีกสักเท่าไร
ฉันไม่หวั่นเมื่อมีพายุมากีดขวาง
เรือจะอับปางแต่ฉันยังอยู่ ก็ต้องสู้มันไป
มีความตั้งใจจุดหมายคือแผ่นดิน
เหลือสองมือเปล่าปลายทางยังแสนไกล
มีความอดทนเท่านั้น สักวันหนึ่งต้องถึงแดนไกล
ฉันลอยคอเดียวดายในทะเล ว่ายตามน้ำตามไปไม่รู้ทาง
ตรงขอบฟ้ามองไปยังไม่เห็นขอบฝั่ง
ต้องเดินทางไปอีกสักเท่าไร (ฉันไม่หวั่น)
มีคลื่นลมแรงโถมกระหน่ำมา
แขนฉันอ่อนล้าใจฉันก็ยังสั่ง ให้สู้มันไป
มีความตั้งใจจุดหมายคือแผ่นดิน
เหลือสองมือเปล่าปลายทางยังแสนไกล
มีความอดทนเท่านั้น สักวันหนึ่งต้องถึงแดนไกล
บอกกับตัวเองไม่ยอมแพ้
จะเหนื่อยสักเพียงใดต้องทนไหว
...และจะไม่มีอะไรที่ยากเกินไป..
...ชีวิตคนเราบางครั้งก็ต้องอดทนกล้ำกลืน...
ยอมรับกับสภาพความเป็นจริงของตัวเอง
...วันนี้หมดแรง..หัวใจเหนื่อยล้า..สมองมันชา...
ทุกอย่างในร่างกายบอกว่าขอพัก...ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะคิดอะไรออกมาได้
หัวใจฉันหมดแรงหมดไฟ...เสียงในหัวใจบอกแต่คำว่า..
...ฉันไม่ไหวแล้ว...
เหมือนทุกอย่างมันตั้งใจซ้ำเติม..ให้โลกนี้ต้องวอดวาย...
...มองไปทางไหนทำไมมันมีแต่ปัญหา...
หากทุกอย่างต้องอาศัยเวลา...ฉันก็ขอภาวนา
ขอให้เวลาช่วยนำพาให้คลื่นลมที่โหมกระหน่ำซ้ำเติม
ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศของเราตอนนี้
...ผ่านไปเร็วๆ...
และก็คิดว่าเนื้อเพลงนี้...น่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด
และช่วยให้หัวใจของฉัน
และบางคนที่อาจจะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับฉัน
...ได้มีแรงพอหายใจ...
..อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้อีกสึกอึดใจ..
...วินาทีนี้บอกกับหัวใจตัวเองได้แต่เพียงคำว่า....
...ต้องอดทน...

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552

ชีวิตทุกชีวิต ไม่ใช่เกมๆหนึ่ง

ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาตัวเล็กๆคนหนึ่งในโลกดิจิตอลไอที โลกที่ไม่มีเขตแดน ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้องมันไม่ใช่เป็นสิ่งมีชีวิตไม่เป็นนกสองหัวแต่มันบอกฉันทุกอย่าง ทุกๆกลางดึกในเวลากลางคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับใหลอย่างสบาย แต่ฉันก็ยังตื่นอยู่ และก็ได้เปิดดูข่าวสารบ้านเมืองดูความเป็นไปของคนในสังคมเราในโลกดิจิตอลแห่งนี้ แต่สิ่งที่ฉันเห็นความจริงที่เกิดขึ้นในนั้นกลับทำให้ฉันต้องใจสลาย ฉันบอกกับหัวใจตัวเองว่าทั้งหมดที่ฉันกำลังได้มองเห็นอยู่นี้มันรุนแรงเกินไป เกินกว่าที่คนไทยอย่างฉันที่พ่อแม่พี่น้องปลูกฝังใส่หัวมาตลอดว่า เกิดเป็นคนไทยต้องรักชาติศาสนา พระมหากษัตรอย่างฉันจะรับได้จริงๆ


ฉันรู้สึกว่าประเทศและสังคมที่เรากำลังใช้ชีวิตกันอยู่นี้ กำลังทำร้ายตัวเองและกำลังสร้างให้ประชากรของตัวเองทำความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงให้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา ความขัดแย้งระหว่างความคิดที่มันยืดเยื้อ สงครามประชาชนครั้งที่สองที่กำลังก่อตัว มันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะมานั่งบอกกับตัวเองได้ว่าปล่อยไปเถอะเดี๋ยวมันก็จบไปเอง เราคนไทยทุกคนตอนนี้กำลังรู้ตัวหรือเปล่าว่าพลังทั้งหมดที่ควบคุมและบงการแผ่นดินแห่งนี้ มันไม่ใช่เป็นพลังของความถูกต้องดีงาม


แต่มันเป็นพลังของคนที่เขากำลังบ้าขาดสติ ลืมความคิดและการกระทำของตัวเอง เขาลืมไปว่าสิ่งที่เขากำลังออกมาเรียกร้อง คำว่าประชาธิปไตย และความยุติธรรมที่เขาสมควรจะได้นั้น แท้จริงแล้วมันไม่มี เพราะสิ่งต่างๆเหล่านั้นเขาได้ทำลายฆ่าตัดตอนมันไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาได้เคยดำรงความยิ่งใหญ่อยู่ในพื้นแผ่นดินแห่งนี้ เขาจะเคยรู้ตัวบ้างไหมว่าสิ่งที่เขาได้เคยทำทิ้งเอาไว้ ตอนนี้มันกำลังสนองตอบเขาอยู่ แล้วตอนนี้เขายังจะมาปั่นให้คนในพื้นแผ่นดินนี้ทำลายกันเองเพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม พวกเขากำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือว่าสมองเขาถูกเงินทำลายไปหมดแล้ว


ฉันพยายามจะทำความเข้าใจว่าเขาไม่มีทางเลือกและไม่มีทางออกแต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เค้ากำลังทำเค้ามีความสุขกับมันไหมและความสุขนั้นมันเกิดขึ้นยังไง คุณเอาสตรีมาเป็นทหาร เอาคนแก่มาเป็นยามยืนถือปืน คุณเอาชีวิตของคนบริสุทธิ์ทั้งหลายที่เขาดูเหมือนเป็นคนโง่งมงายในความคิดคุณมาสนองความเจ็บปวดของตัวเอง หากสงครามประชาชนครั้งที่สองได้เกิดขึ้น หากหลายๆชีวิตที่ต้องตายไป และหากพวกเขาเหล่านั้นได้กลายเป็นญาติของพวกคุณมันจะทำให้คุณน้ำตาล่วงได้ไหม

ความรู้สึกโกรธแค้นจากหัวใจทุกดวงที่พวกคุณทำให้พวกเขาต้องปวดร้าวยิ่งนานวันมันก็ยิ่งทวีคูนจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ความเจ็บปวดที่แลกมาด้วยชีวิตของคนบริสุทธิ์ ชัยชนะที่ได้มาบนคราบเลือดที่ไหลนองแผ่นดินวันนี้อยากถามหน่อยว่ามันคุ้มไหมกับสิ่งที่คุณคิดว่าคุณจะได้รับแล้ววันนี้พวกคุณยังไม่คิดจะหยุดมันอีกหรือ

ชีวิตทุกชีวิตไม่ใช่เป็นแค่เกม เกมหนึ่ง คุณอาจมีโอกาสได้อ่านหนังสือดีๆหลายเล่ม คุณอาจได้เรียนรู้วิธีที่ทำให้พวกคุณดูดีจากหนังสือดีๆเหล่านั้น คุณมีที่ปรึกษาที่คุณจ้างมาเพื่อสร้างภาพให้คุณดูดีด้วยราคาแพงลิบลิ่ว คุณมีนักการเมืองที่เงินคุณซื้อได้ คุณมีความสามารถพิเศษที่จะเรียนรู้วิธีการควบคุมจิตใจคนมามากมายแต่คุณกลับไม่รู้ว่า คำว่า ศีลธรรม กับจริยธรรมนั้นเค้ามีขายกันที่ไหน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เงินคุณซื้อได้แต่มีสิ่งหนึ่งที่เงินคุณจะซื้อไม่ได้ นั่นก็คือบาปของคุณและมันก็จะติดตัวคุณไปจนตลอดชีวิต


!!ถ้าอยากได้หัวใจอย่าใช้เงินซื้อ ถ้าอยากยิ่งใหญ่อย่างยั่งยืนอย่ามาเล่นเกม และถ้าหากเกมนี้คุณชนะ คุณคงจำรถบรรทุกศพคันนั้นได้ที่คุณเคยสั่งการให้คนของคุณไปทำกับคนเหล่านั้นไว้ ครั้งนี้คุณจะได้เห็นมันอีกครั้ง และวันนั้นคุณอาจจะหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดถ้าหากวันนั้น 1ในศพของคนพวกนั้นเป็นญาติของคุณ!!

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

เพื่อนรักออนไลน์

ในชีวิตของบางคน..ต้องทนอยู่อย่างเหงาใจ...ไขว่คว้าความอบอุ่นใจซักเท่าใดก็ไม่อาจพบเจอ...
แต่ว่าฉันนั้นโชคดี ที่ได้เกิดมาพบเธอ...เธอคือคนที่ทำให้ช่วงเวลาในชีวิตของฉันไม่ต้องเงียบเหงาตลอดไป
. ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันได้พบและรู้จักกับมิตรภาพที่สวยงามในโลกไซเบอร์ตั้งมากมาย
มีหลายคนที่ผ่านเข้ามา...แล้วเพียงไม่นานก็เดินจากไป...
โลกของฉันอาจจะแคบ...แต่จะมีซักกี่คนที่พยายามทำความเข้าใจและยอมรับในความเป็นตัวฉัน?
จะมีซักกี่คนที่ไม่โกรธและเข้าใจว่าทำไมฉันจึงไม่ชอบรับสายและคุยทางโทรศัพท์?
เราอาจจะมีเบอร์โทรฯ ของกันและกันแต่เราไม่เคยโทรฯคุยกัน
จะมีก็เพียงแต่ข้อความที่ส่งถึงกันเพื่อบอกกล่าวคำว่า..ฝันดีนะคะ
ส่วนใหญ่มิตรภาพที่สวยงามและความรู้สึกดีๆจะบอกผ่านกันทางตัวหนังสือและถูกส่งถึงกันผ่านแค่ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์..
แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ยังสัมผัสได้ถึงความอุ่นใจและความห่วงใยที่ถูกส่งผ่านออกมา...
ถึงแม้ว่าบางครั้ง...ฉันก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่ามันกลั่นออกมาจากหัวใจหรือเปล่า...
แต่อย่างน้อยทุกๆวันตัวหนังสือเหล่านั้นมันก็ทำให้ฉันไม่เงียบเหงาอยู่ในโลกแคบๆที่มีแต่ความว่างเปล่ากับเสียงของหัวใจตัวเองไปตลอดทั้งวันที่ฉันต้องพบเจอ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนออนไลน์และตัวหนังสือมีชีวิตทั้งหลายที่วิ่งผ่านเข้ามา..และช่วยอยู่เป็นเพื่อนกันทำให้ฉันไม่ต้องอยู่อย่างเหงาใจตลอดเวลา
ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนน้ำใจสำหรับสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ยังไง...
ในวินาทีนี้ฉันบอกได้แต่เพียงว่า "เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน"ไม่ต่างกันกับเพื่อนที่มีตัวตนอย่างที่ฉันเคยมีมา
ขอบคุณ...สำหรับวันเวลาที่ทำให้ฉันไม่เงียบเหงา
ขอบคุณ...สำคำทักทายเก่าๆที่บอกว่า... ดีจ้าไอซ่าทานข้าวหรือยัง
ขอบคุณ...ที่เข้าไปคอมเม้นให้กัน...ขอบคุณ...ที่ให้เกียรติแอดฉันเป็นเพื่อนของเธอ
ขอบคุณ...ที่ส่งความรู้สึกห่วงใยผ่านความน่ารักสดใสมาให้กับตัว การ์ตูน เสมอๆๆ
ความน่ารักของพวกเธอ...รู้ไหมมันทำให้ฉันมีความสุขมากมาย
สิ่งดีๆทั้งหลายที่เธอส่งผ่านมาให้ฉันจะบันทึกทุกอย่างไว้ในความทรงจำดีๆของฉันตลอดไป...

ขอบคุณมากมาย..เพื่อรักนออนไลน์..ไอซ่า..

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

หนักแผ่นดิน

เกลียดไอ้พวก...... กากเดน...... ของแผ่นดิน
เกลียดไอ้พวก...... ดูหมิ่น........ พระราชา
เกลียดไอ้พวก...... รับใช้......... หมาไนล์บ้า
เกลียดไอ้พวก...... ชอบด่า........ ประเทศไทย


เกลียดไอ้คน....... ที่ชอบคิด........ ด้วยต้นคอ
เกลียดไอ้คน....... ที่รักพ่อ.......... แต่ขออยู่เฉยๆ
เกลียดไอ้คน....... ที่พูด พูด......... แต่ไม่ได้อะไรเลย
เกลียดไอ้คน .......ที่เฉย เฉย........ แต่รับตังค์


บัดนี้............ ขอสาปแช่ง.......... กับพื้นพสุธา
ใครที่มัน ........คิดโค่นล้ม........... องค์ราชา
ตลอดชีวิต....... ทั้งนั่งยืน............. ตื่นและหลับตา
ขอให้มัน........ จงร้อนรุ่ม............. อุราไปจนตาย

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552

ฤดูต่างๆ ภายใต้ดวงอาทิตย์

...ชีวิตคือการเดินทางตลอดเวลา...วงล้อของกาลเวลา ในแต่ละขณะที่ชีวิตเรากำลังดำเนินไป มันอาจจะไม่สวยงามและราบเรียบให้เราเดินได้อย่างสบายไปตลอดทั้งเส้นทาง อาจมีบางครั้งบางช่วงเวลาที่เราจะต้องพบเจอกับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาทดสอบพลังใจ จนทำให้รู้สึกอ่อนล้า หมดแรงหมดไฟ

แต่ถ้าเรามีสติคิดได้ขอจงอย่าท้อ ช่วงไหนที่เราต้องเจอกับเส้นทางที่มันขรุขระยากต่อการก้าวไป ก็ขอให้ค่อยๆย่างไปอย่างช้าๆและใช้ความระมัดระวังให้มากเข้าไว้ เอาสติกับพลังใจมาเป็นเพื่อนร่วมทาง ใช้เวลาและความพยามค่อยๆปรับสภาพของตัวเองให้เรียนรู้กับประสบการณ์ใหม่ๆ ทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเรา

เพียงเท่านี้เส้นทางที่มันอาจจะดูไม่สู้ดีนัก ก็อาจจะกลายเป็นเส้นทางที่เมื่อเราได้เดินผ่านมันไปแล้ว ทำให้เราได้มีคำพูดมาบอกกับตัวเองว่า
นี่คือเส้นทางแห่งบทเรียนที่สั่งสอนเราให้ได้เรียนรู้คุณค่าและความหมายของคำว่าความอดทน คือเส้นทางที่ทำให้เราได้รู้ว่าหนทางข้างหน้ามันจะไม่มีเส้นทางไหนทำให้เราลำบากได้อีกต่อไป
ปลอบใจตัวเองไว้เสมอว่าทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามามันคือ วัฏจักรของความสัมพันธ์ ระหว่างความสมหวังกับความเจ็บปวด ที่ต่างต้องหมุนเวียนเปลี่ยนกันทำหน้าที่ของกันไป ส่วนตัวเราก็แค่มีหน้าที่พบปะกันมันทำความสัมพันธ์กับช่วงเวลาใหม่ๆที่กำลังจะผ่านเข้ามา เรามีหน้าที่ปรับให้หัวใจได้เคยชิน เหมือนกับทุกวันนี้ที่หัวใจเราได้เคยชินกับทุกฤดูที่ต่างหมุนเวียนกันอยู่

คิดเสียว่ามันเป็นกฎของหมูดาวเคราะห์ทั้งหลายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของดวงอาทิตย์แห่งนี้ก็แล้วกัน
และเมื่อวงล้อของการเดินทาง...ในฤดูการต่างๆผ่านพ้นไป
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขสดใส...ก็จะหมุนกลับคืนมาหาเราอีกครั้ง

(นี่คือการปลอบใจตัวเองอย่างเป็นระบบงั้นเหรอ เหอ เหอ) เขียนได้ง่ายแต่ทำใจได้ยาก คริ คริ ..เขียนเองขัดเอง..

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

รอยเท้าบนผืนหญ้า

มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน.. ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทราย... ระหว่างทาง..เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน
เพื่อนคนหนึ่ง...พลั้งลงมือ...ตบหน้าอีกฝ่าย
ฝ่ายถูกทำร้าย...เจ็บปวด...แต่ไม่เอ่ยวาจา กลับเขียนลงบนผืนทรายว่า....
"วันนี้...ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า"
ทั้งสองยังคงเดินทางต่อ...กระทั่งถึงแหล่งน้ำ พวกเขาตัดสินใจอาบน้ำ...ชำระกาย
พลัน..คนที่ถูกตบหน้ากลับจมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ...เข้าช่วยชีวิต
คนรอดตาย...ยังคงไม่เอ่ยวาจา.. กลับสลักลงไปบนหินใหญ่...
"วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้"
เพื่อน...อีกคนไม่เข้าใจ...ถามว่า...
เมื่อถูกฉันตบหน้า...เธอเขียนลงทราย.. แล้วทำไมเมื่อครู่...ต้องสลักบนหิน
อีกคนยิ้มพราย...กล่าวตอบ
เมื่อถูกเพื่อนรักทำร้าย... เราควรเขียนมันไว้บนทราย
ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย... จะทำหน้าที่พัดผ่าน...ลบล้างไม่เหลือ
แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย...บังเกิด
เราควรสลักไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ
ซึ่งจะไม่มีสายลมแรงเพียงใด...ลบล้างทำลาย…
มีคนบางคนได้ส่งบทความนี้ให้ฉันอ่าน ซึ่งฉันอ่านแล้วก็รู้สึกซึ้งใจ
และก็ขอขอบคุณไว้ตรงนี้สำหรับบทความดีๆที่ส่งมาให้นะคะ..

ฉันคิดว่า..ถ้าคนเราทุกคนจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
กับใครสักคนหนึ่งที่เรารู้สึกดี
ก็จงถ่ายรูปแห่งความทรงจำดีๆนั้นไว้...และก็ฉายมันไว้ในหัวใจเสมอ
จำสิ่งดีๆไว้บนที่ๆเรามีความสุขด้วยกัน
รอยสักแห่งความทรงจำ...หากเราเลือกที่จะบันทึกมันไว้ในหัวใจ
ก็ขอให้มันเป็นร่องรอยแห่งความสุข...และความประทับใจ
และถ้าหากมีอะไรที่เค้าจะเผลอทำให้เราต้องขุ่นเคืองใจ
...ก็อย่าไปให้คุณค่ากับมัน...
จงบอกกับหัวใจตัวเองไว้เสมอว่า...สิ่งที่ไม่มีค่าควรจะจดจำ
"ค่าของมันมีแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเหมือนกับรอยเท้าบนผืนหญ้า"

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

โลกที่ฉันไม่อยากให้ใครเข้าไป

ทุกวันถึงฉันจะพยายามทำตัวให้ดูปกติ พูดคุยหัวเราะร่าเริงทำให้เหมือนว่าตัวเองมีความสุขมากมาย แต่ในความเป็นจริงข้างในใจ ฉันเป็นห่วงความรู้สึกข้างในลึกๆของเธอที่มีต่อฉันกลัวในความคิดของเธอและฉันที่มันเป็นของตัวเองมากเกินไปจะทำลายมิตรภาพของเราให้มันพังลงไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้รูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างเรา มันอาจจะเป็นเพียงมิตรภาพที่ความรู้สึกดีๆ ถูกส่งผ่านถึงกันแค่ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ระยะเวลาที่เราได้รู้จักกันมันอาจจะไม่ได้ยาวนานเท่ากับเพื่อนคนอื่นๆแต่ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นอยู่อย่างนี้มิตรภาพถึงมันจะจบไปแต่ก็ขอให้มันอย่าเลวร้ายลงไปมากกว่านี้

หลายวันมานี้ที่เราต่างคนต่างไม่เข้าใจกันและหลายๆครั้งที่ฉันเห็นเธอใช้คำพูดเปลี่ยนไปจากเดิมไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็น ความรู้สึกของฉันมันเจ็บปวดทุกครั้ง ฉันรู้สึกว่าเรากำลังห่างกันออกไปทุกที ฉันไม่อาจรับรู้ได้ว่าความรู้สึกนึกคิดของเธอข้างในที่มีต่อฉันมันเป็นรูปแบบไหนและก็คงไม่ไปบังคับความรู้สึกของเธอให้ช่วยมองความคิดของฉันให้เห็นอย่างที่ฉันเป็น เพราะฉันรู้ว่าตัวตนของแต่ละคนย่อมมีบางอย่างที่แตกต่างกันไป และแต่ละคนต่างก็ต้องมีโลกส่วนตัวของตนที่ต่างเก็บเอาไว้ และในโลกส่วนตัวของฉันใบนั้นมันก็มีเรื่องราวมากมาย ความทรงจำ ความเศร้า ความผิดพลาด ความเจ็บปวดและแผลเป็นบางแผลที่มันยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจ ความทรงจำในโลกใบนั้นฉันพยายามแกล้งทำเป็นลืมมันสักเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยที่จะจางหายไป ทุกความคิดที่ทำให้เจ็บปวดฉันพยายามสะกดมันเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นเหมือนว่าฉันเป็นคนที่ไม่ยอมเปิดใจ

แต่เธอจะรู้ไหมว่าในวันนี้ฉันมีความตั้งใจที่จะสร้างมิตรภาพกับคนทุกคนที่เขาผ่านเข้ามาในชีวิตของฉันด้วยโลกใบใหม่ โลกที่มันจะไม่ทำร้ายซึ่งกันและกันในความคิด และฉันก็คิดว่าฉันต้องทำมันให้ได้ฉันจึงต้องเก็บกดอารมณ์บางมุมเอาไว้และไม่ต้องการให้ใครเข้าไปพบเห็นความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนั้น ฉันเชื่อมั่นว่าหากเราต้องการสร้างสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับชีวิตก็จงลืมความคิดที่ทำให้เจ็บปวด เพราะความคิดที่มีพิษมันทำให้ชีวิตเราเดินไปไม่ถึงไหน

..... ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเลือกที่จะปิดตายประตูของโลกใบนั้นเอาไว้ และที่สำคัญฉันก็ไม่อยากให้เธอไปยืนรอฉัน อยู่ตรงหน้าประตูบานนั้นที่ฉันปิดตายเอาไว้......

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

รัก ลวง หลอก

รัก.......... แท้..เป็น..................ตำนาน
รัก.......... สิ้นลมปราณ..เป็น.......บทประพันธ์
รัก.......... ไม่แปรผัน..เป็น.........นิยาย
รัก.......... จนวันตาย..เป็น.........นิทาน
รัก.......... ตลอดกาล..เป็น.........ละคร
รัก.......... อยู่ทุกตอน..เป็น.........ละครน้ำเน่า
รัก.......... ไม่เคยเก่า..เป็น.........จริงช่วงแรก
รัก.......... ในความแปลก..เป็น....คำฮิต
รัก.......... ด้วยชีวิต..เป็น...........ลิเก
รัก.......... ไม่โลเล..เป็น.............ความฝัน
รัก.......... เธอนิรันดร..เป็น..........ชื่อเพลง
รัก.......... นะตัวเอง..เป็น...........เด็กอมมือ
รัก.......... ซื่อสัตย์..เป็น.............คำลวง
รัก.......... หมดทรวง..เป็น..........คำติดปาก
รัก.......... เธอมาก..เป็น.............คำฮอด
รัก.......... เดียวตลอด..เป็น........ไปไม่ได้!!!
รักที่เป็นไปได้เกิดจากการวางใจในรักให้อยู่บนเส้นทางสายกลาง
ไม่ต้องรักให้มากมาย แต่ต้องไม่น้อยไปกว่าเดิมทุกๆวัน
รักที่เขาเป็นของเขาอย่างนั้น ไม่ต้องให้เป็นอย่างที่ใจฉันต้องการ
เพราะตัวตนของแต่ละคนคือหนึ่งไม่มีครึ่งหรือแบ่งเป็นสอง
รักที่เขาเป็นในวันนี้ เมื่อวานนี้หรือพรุ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องถามหรือคาดหวังใดๆ

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปัญหาสอนว่าต่อไปอย่าถือถือดี

มีใครบางคนเคยสอนเอาไว้ว่าภาระหน้าที่คือสิ่งที่ต้องทำ ความหวัง ความฝัน และอุดมการณ์คือศักยภาพที่ใช้ชี้วัดความเป็นมนุษย์ เคล็ดลับการทำชีวิตให้เรียบง่ายคือการมีสติรู้จักคิดที่สุดของชีวิตคือการรู้จักเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส

สาเหตุของความยุ่งยากคือการทำเรื่องยากก่อนเรื่องง่าย ถ้าอยากให้ชีวิตไม่วุ่นวายต้องเรียงลำดับความสำคัญของชีวิตใหม่ทำจากง่ายไปหายาก และอย่าทำงานมากๆในเวลาเดียวกันเพราะมันจะทำให้สับสนเพราะสมองคนมีแค่หนึ่ง มันเป็นความคิดที่ฝังหัวฉันจนขึ้นใจแต่ฉันกลับไม่นำไปใช้ สิ่งดีๆที่เขาสอนไว้ใจฉันมันไม่รู้จักฟังคำว่าดื้อคำเดียวเท่านั้นที่ทำร้ายชีวิตฉันมาตลอดและทำให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้

อึดอัดกับภาระหน้าที่ อึดอัดกับอนาคต อึดอัดกับสิ่งที่มันควบคุมไม่ได้... สับสนกับจิตใจของตัวเองตอบกับตัวเองไม่ได้ว่าจะเอายังไง ทำไมนะจิตใจคนยามที่ตกต่ำขัดขัดสนถึงหาหนทางออกให้ตัวเองได้ยากเย็น ภาพที่มองเห็นเป็นแต่อุปสรรคมากมาย

ใจนะใจทำไมมันถึงวุ่นวายกันจริงข้างในเป้าหมายยิ่งไขว่คว้ามากเท่าไร แต่มันเหมือนยิ่งแสนไกล หมดแรงหมดไฟเหมือนจะหมดกำลังใจสิ้นสลายใจกับความฝันของเรา อยากดื้อถือดี เป็นอย่างนี้ก็สะใจดี ขำๆแต่ขำไม่ค่อยออกคำโบราณที่เขาสอนไว้ตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัดยังใช้ได้ตลอด ขอจงใช้กันเถอะชีวิตจะได้ไม่วุ่นวายเหมือนอย่างกับฉันตอนนี้ คนเก่งคนเจ๋งไม่เป็นก็ไม่ตายและไม่เหนื่อย . เฮ้อเหนื่อย

แท้จริงแล้วต้นเหตุของปัญหา ความยุ่งยากเริ่มต้นมาจากวิธีคิด เราเองที่ไม่ได้เรียงลำดับความคิดให้มันเป็นขั้นเป็นตอนและจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังให้เป็นระบบ ภาระและงานมันก็เป็นอยู่ของมันอย่างนั้นเมื่อเราเข้าไปยุ่งกับมันมันก็ต้องตอบสนองความยุ่งยากให้กับเรา

เพราะฉะนั้น"ความคิดของเรา"ต่างหากที่ทำให้มันยุ่งยาก


วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

วันพิเศษบอกว่าเราคือคนพิเศษ

หากเรามีใครสักคนทีรักหรือรู้สึกดี คงอยากให้เค้ามีความสุขใจในวันพิเศษ หากวันนี้เป็นวันพิเศษของใครๆก็ขอให้มีความสุขใจกว่าทุกๆวัน วันพิเศษในโลกนี้ที่น่าอัศจรรย์คงเป็นวันอะไรไปไม่ได้นอกจากวันเกิด วันเกิดเป็นวันที่มีความทุกข์อันแสนสาหัสบนความสุขที่น่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้นคนทุกคนที่ได้เกิดขึ้นมา หากผ่านพ้นวันน่าอัศจรรย์มาได้ก็ล้วนเป็นคนพิเศษเหมือนกันทุกคน และทุกคนก็ต้องมีวันพิเศษเหมือนกันทุกๆปี


เพราะฉะนั้นในวันนี้ก็อยากรวบรวมคำพูดทั้งหลายที่มีความหมายดีๆที่ผู้คนได้บัญญัติไว้ เก็บใส่ตะกร้าแล้วบินเอาไปแปะไว้ที่บนท้องฟ้า อยากให้คนบางคนที่เกิดในวันนี้เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วหันไปพบว่ามีใครบางคน คนหนึ่งได้ฝากความรู้สึกดีๆเอาไว้ อยากให้เค้าได้สุขใจ อยากให้เขามีความสุขในวันพิเศษอยากให้เขารู้ว่าเค้าคือคนสำคัญเพียงแค่นั้น ฉันก็มีความสุขใจ


พรอันใดที่เขาต้องการขอจงบันดาลให้เขามีความสุขสมหวังได้ทุกอย่างดั่งตั้งใจ หากฝันอันใดที่ยังคั่งค้าง ขอให้เขาจงรับรู้ว่าเขาจะต้องมีพลังสู้ต่อไป และขอให้รู้เอาไว้ว่าวันนี้คือวันพิเศษที่โลกได้สร้างคนพิเศษอย่างเขาให้ได้เกิดขึ้นมา ชีวิตคนจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีคนเห็นคุณค่าในตัวคุณ และวันนี้คุณก็ทำสำเร็จแล้ว เมื่อมีใครสักคนอวยพรให้คุณในวันพิเศษ และหากวันนี้เป็นวันพิเศษของใครขอให้มีความสุขใจตลอดไปในการใช้ชีวิต วันพรุ่งนี้และวันนี้ขอสิ่งดีๆจงเกิดขึ้นที่ใจขอให้ได้มีสุขทุกวัน ....สุขสันต์ในวันเกิดค่ะ.....

!! มันก็คงไม่ผิดเกินไปใช่ไหมที่เราจะคิดให้ใครสักคนมีความสุข ความคิดที่อยากให้คนอื่นมีความสุขใจการเชื่อในความรักมันเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ว่าผลของมันจะย้อนกลับมายังไง อย่างน้อยฉันก็จะยอมรับมัน เพราะการเชื่อมั่นในรักมันทำให้สุขใจเกินกว่าที่จะไปคาดหวังใดๆที่ไกลกว่านั้น ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ฝันให้มันอยู่ในความรู้สึกข้างใน เพียงได้คิดเพียงได้ฝันแค่นั้นก็มากมาย และทุกๆความรู้สึกที่อยู่ข้างในก็ขอให้เค้ารับเอาไว้อย่างที่ฉันได้ตั้งใจภาวนา!!

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปัญหาไม่หมดไปด้วยการไหว้วอน

มุมพิเศษในจิตใจอยู่ที่มีความจริงใจกับคนใกล้ชิดไม่ใช่อยู่กับการคิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในใจ มุมพิเศษในจิตใจ คือมุมที่เก็บไว้ถ่วงดุลความมั่นใจ เอาไว้ทำความดี เอาไว้เป็นที่รองรับความคิดเห็นของคนอื่นๆ เอาไว้แทนที่อารมณ์ที่ไร้ค่า ยกระดับความคิดที่มีค่าให้กับตัวเอง

ศรัทธาพื้นฐานของการใช้ชีวิตร่วมกันคือความไว้ใจ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขององค์กรไม่ได้เกิดจากคนเพียงคนเดียว การดำรงด์อยู่ของคนในองค์กรเดียวกันสำคัญอยู่ที่ความให้ความไว้วางใจกัน หากยังไม่เข้าใจในเหตุผลของความไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ก็อย่าไปคิดถึงผลตอบแทนที่ดีที่สุดที่จะได้รับซึ่งกันและกัน เพราะมิตรภาพที่มั่นคงไม่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่ไม่จริงใจ มิตรภาพที่ยั่งยืนเกิดจากความไว้ใจ การไว้วางใจอันยิ่งใหญ่เป็นรากฐานของความสำเร็จไม่ได้มาจากการหวังพึ่งหมอดู ให้ดูช่วงชีวิตดีๆเพื่อเริ่มทำสิ่งดีๆให้กับชีวิตแต่ไม่เคยคิดและเห็นใจกับคนที่อยู่ในองค์กรเดียวกัน

หมอดูเปลี่ยนคำพูดของตัวเองได้หลายครั้ง จากการทำนายต่างกันในหลายเวลาและวาระ แต่หมอดูไม่เคยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเจ้าของชะตาได้สักครั้ง และทุกครั้งที่ทำงานสำเร็จกก็ไม่ได้เกิดจากฝีมือการทำงานของหมอดู คนที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จคือคนที่เขาช่วยเราทำงาน คือคนที่เขาอยู่ที่เดียวกันกับคุณ คนที่คุณควรจะดูแลใส่ใจคือคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่ไม่มีตัวตนที่อยู่บนฟ้า คนที่คุณคิดว่าเขาศักดิ์สิทธ์มีอิทธิฤทธิ์ช่วยคุณได้ แต่เป็นคนที่คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้เห็นและสัมผัสได้ในชีวิตของความเป็นจริง การก่อตัวของปัญหาเกิดจากการสับสนในขัอเท็จจริง ความจริงไม่ได้ถูกตีแผ่ในที่ที่ควรรู้ และไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนในกลุ่มในองค์กรเดียวกัน เมื่อปัญหาเกิดขึ้นมาแต่ไม่ได้ค้นหาแนวทางในการแก้ไข มันก็กลายเป็นความขัดแย้ง เมื่อเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงปัญหาก็จะลูกลามใหญ่โตและก็จะนำไปสู่ความล่มสลายในที่สุด

ปัญหาอยู่ตรงไหน??คำเรียบง่ายที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในชีวิตการทำงาน หลายคนพูดได้ใช้บ่อยแต่ไม่เข้าใจ
"ปัญหาต้องออกค้นหาถึงจะเจอ ความหมายเรียบง่ายตรงตัว แต่หาตัวไม่ค่อยเจอ"เพราะอะไรหาคำตอบให้กับตัวเองได้ไหม??
คำตอบคือ สะกดคำว่าจริงใจเป็นเมื่อไหร่คุณจะเข้าใจ และเมื่อนั้นคุณจะเริ่มต้นเดินออกค้นหามัน
อัจฉริยะบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ 90% เคยล้มเหลวในชีวิตมาแล้วทั้งนั้นและผู้คนเหล่านั้นก็ไม่ได้คว้าเป้าหมายมาได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว

ทำชีวิตให้เรียบง่าย เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วก้าวเดินต่อไป สักวันคงได้ดี(บอกกับตัวเอง)

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

จุดเปลี่ยนที่ต้องทำใจ

ชีวิตคนเรานั้นบางครั้งมันก็เลือกไม่ได้สักทาง
สิ่งที่เราคิดว่ามันคือความฝันและสิ่งที่เราคิดว่านี่คือสิ่งที่เราคาดหวังไว้ให้กับชีวิต
เราตั้งเป้าหมายว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เราตั้งใจฝันไว้สักอย่างก็จำต้องปล่อยให้มันเป็นไป
ชีวิตแม้มันจะต้องหยุดอย่างกะทันก็ควรต้องทำใจ
หรือหากเราจะไม่เหลืออะไร ก็จำต้องยอม ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป
ความรู้สึกหากมันจะเจ็บก็ต้องยอมเจ็บ วันสองวันสามวันจะเป็นไร
ยังเจ็บได้ก็ยังมีสิทธิลุกขึ้นสู้ใหม่ได้
ยังไงเสียในความเจ็บมันก็ยังเป็นการเตือนเราว่าเรายังมีชีวิตอยู่
มีชีวิตสู้กับปัญหาดีกว่าไม่มีชีวิตให้เจ็บกับปัญหาอีกต่อไป
ถึงมันจะเศร้าแต่ก็มันก็คือความจริง
ชีวิตจริง จริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย
ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง เรามีสิทธิเจอกับทางแยกได้หลายครั้ง
และทุกๆครั้งมันก็สั่งเราให้ต้องตัดสินใจ
หลายๆครั้งมันทำให้เราค่อนข้างสับสน
จนบางครั้งก็ไม่อาจจะตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไง
จะไปตามทางแยกไหนดี....นี่แหละคือชีวิต
นี่แหละคือโชคชะตาที่ๆฟ้ากำหนดให้เราเกิดขึ้นมาเพื่อเรียนรู้
และเลือกว่าจะสู้หรือจะหนี
ส่วนตัวฉันตอนนี้ก็คงจะอยู่ตรงทางแยกพอดี
และก็เป็นอีกครั้งแล้วซินะที่จะต้องตัดสินใจ
ว่าจะเดินไปบนทางแยกไหน
โดยที่ไม่มีสิทธิที่จะคิดหนีอีกทั้งยังไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะต่อสู้
เพื่อไขว่คว้าความฝันที่เคยตั้งไว้อีกต่อไป
เศร้านะแต่ก็จะพยายามเข้าใจ
หากว่าทุกอย่างมันเป็นโชคชะตาที่ฟ้ากำหนดมาให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

แม่มด (อ่านจบคุณจะรักเธอ)

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว... อาเธอร์ถูกจับและจะประหารชีวิต แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ ถ้าหากเขาสามารถตอบ ปัญหาแสนยากข้อหนึ่ง ได้ถูกต้อง อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้ เขาก็จะถูกประหาร 'คำถามนั้นคือ .... สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?'
ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและ เริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้ คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพง แล้ววันสิ้นปีก็มาถึง อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของ เหล่าอัศวินโต๊ะกลม และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์ อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ เพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนถังส้วม ชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงาน เพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์ 'สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือการได้เป็นตัวของตัวเอง'

ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติทั้งสุภาพอ่อนน้อม ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทั้งเรอ ทั้งตด ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และ แล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยองเขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์ ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอง!!!! หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่ เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า กาเวนงุนงง ? สาวแสนสวยเฉลยว่า เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด) ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่า รังเกียจส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้ กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน? เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!! กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด? หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี?? เป็นคุณหล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร??

เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่ ข้างล่างนี้ กาเวนตอบว่า 'เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง' เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอ จึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับ ความประพฤติของผู้ชาย

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

ขอได้ไหมความจริงใจจากคนใกล้ตัว

เคยตั้งคำถามกับท้องฟ้าหลายครั้งว่า บนพื้นดินแห่งนี้ยังพอจะมีความยุติธรรมอยู่บ้างไหม?
ความจริงใจที่เราสมควรได้ โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว ขอได้ไหมสักครั้งที่จะไม่ทำให้เราต้องเสียใจ คนที่เราได้เรียกเขาว่าคนใกล้ชิดจะมีบ้างไหมที่จะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ ทำให้เราภูมิใจว่าเรายังพอมีคนที่ยังไว้ใจได้อยู่ ขอสักครั้งได้ไหมความจริงใจจากคนใกล้ตัว?

แต่ฟ้าก็ไม่เคยตอบ และฉันก็ยังถูกหลอกจากคนใกล้ตัวอยู่ร่ำไป ฉันพยายามจะเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีอะไรสั่งได้ดั่งใจเรา และเราก็ไม่ได้ดีไปหมดเสียหมดทุกอย่าง และทุกอย่างบนโลกใบนี้มันก็ไม่มีอะไรดีที่สุด และความซวยที่น่ากลัวที่สุดมันก็อาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเวลา ทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราควรจะเข้าใจ แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยเข้าใจและทำความเข้าใจได้ลำบากที่สุดก็คือ ความซวยที่ไม่ธรรมดาทำไมมันจะต้องมาจากคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา ทำไม?

ในความเป็นจริงคนใกล้ตัวคือคนสุดท้ายที่เราควรจะหวาดระแวง และในความเป็นจริงที่สุดคนใกล้ตัวไม่ควรเป็นศัตรูกับคนใกล้ชิด หรือคนที่อยู่ใกล้ชิดตัวคุณคนที่เขาไว้ใจคุณหรือคนที่คุณให้ความไว้วางใจไม่ใช่คนที่คุณคิดจะเอาเขามาเป็นเหยื่อ
แต่ทำไมในความเป็นจริงของฉัน คนใกล้ตัวไม่เคยมีใครไว้ใจได้สักที ฟ้าบอกได้ไหมทำไมถึงเป็นอย่างนี้ คนอย่างฉันคนนี้ยังพอจะมีสิทธิเรียกร้องความยุติธรรมได้อีกไหมจากคนใกล้ตัว?

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

โรคระบาดที่มากับสื่อ

หากเป็นเมื่อก่อนมีเงินเรียกว่าน้อง มีทองเขาเรียกว่าพี่ แต่สมัยนี้ถ้าใครอยากดูดี กิ๊บเก๊ ไฮโซ โก้ กู๊ด ก็ต้องใช้ของแบรนด์แนม ถือกระเป๋า ลูกละแสน มีรองเท้าเป็นร้อยคู่เป็นอย่างต่ำ เปลี่ยนแฟนควงไม่ซ้ำหน้า และถ้าให้ดีแฟนที่ควงออกงานต้องมีชื่อติดอันดับอยู่ในม่านฟ้าเมืองไทย หรือไม่ก็ต้องห้อยท้ายด้วยตำแหน่งของลูกไฮโซลูกนักการเมือง คุณสมบัติอย่างนี้ถ้าใครทำได้ ผู้นั้นก็จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ดีไฮโซ เป็นอภิมหาเศรษฐี เป็นผู้ร่ำรวย มันก็เลยมีปรากฏการณ์ของโรคระบาดชนิดหนึ่งที่เราเรียกกันว่า โรคฉันต้องมีให้ได้ เพราะถ้าหากฉันหามาไม่ได้ฉันก็จะได้ถูกใครๆตราหน้าฉันว่าเป็น คนโลโซ โบ๊เบ๊สเลก้า ไก่กาอาลาเร่ นี่คือเบื้องหลังความคิดของเด็กรุ่นใหม่ในยุคของโลกที่กำลังวิวัฒนาการไปอย่างไม่หยุดหย่อน

ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนย่อมแสวงหาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและประสบความสุขบ้างพอสมควรตามหลักความเป็นจริงทางธรรมชาติและพอใจในสิ่งที่เราหามาได้ด้วยตนเอง นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรที่จะต้องพึงปฏิบัติให้ได้ แต่ทุกวันนี้ที่เราปฏิบัติกันเกินความเป็นจริงก็เพราะเราถูกอิทธิพลของสื่อที่ครอบงำเราอยู่ทุกเมื่อชั่ววัน และในสื่อที่นำเสนอสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวันก็ช่างทุ่มทุนสร้างสารพัดวิธีเหลือเกินที่จะไปดึงดูด ชักจูงกิเลสความชอบความต้องการของคนให้สำแดงผลออกฤทธิออกเดชเกิดความอยากได้จนไม่อาจจะมีสติควบคุมตัวเองได้เลย หากเราจะยังพอมีสติเราจะสังเกตได้ว่ามนุษย์ทุกคนไม่ว่า จะเป็นไฮโซ จนถึงโลโซ มียศหรือไม่มี ทุกสีผิว ทุกชนชั้นไม่ว่าจะเป็นใครๆก็จะต้องถูกครอบงำด้วยความไม่แน่นอนของโลกใบนี้ภายใต้ดวงอาทิตย์แห่งนี้ทุกชีวิตล้วนประกอบขึ้นด้วยประสบการณ์ที่เป็นหลักสากลมีผลกับทุกชีวิตและบัญญัติมาให้กับเราทุกคนแล้วตั้งแต่เกิด นั่นคือ ความสูญเสีย ความผิดหวัง ความสมหวัง ความรัก และวิวัฒนาการไม่มีใครสามารถฝืนกฎของธรรมชาตินี้ได้

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวิวัฒนาการทั้งหลายของโลกใบนี้ที่เราเห็นกันมาโดยตลอดในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หากสังเกตดูให้ดีแล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้มันหาได้มีผลมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราไม่ เราก็ไม่ได้ว่าจะมีหัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า ความก้าวหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงให้ทุกคนมีความคิดก้าวหน้าได้ทุกคน เราเป็นคนผลิตให้สิ่งต่างๆที่เรียกว่าเทคโนโลยีเกิดขึ้นมา และเราก็ยังอยู่ในฐานะที่เลือกได้ว่าวันนี้เราจะใช้มันในรูปแบบไหน สิ่งสำคัญอยู่ที่วิธีที่เราใช้มันต่างหาก เมื่อเราตั้งใจใช้มันให้เกิดคุณค่ามันก็จะเพิ่มคุณค่าให้กับเราหากเลือกที่จะบั่นทอนคุณค่าในตัวเองมันก็ยังเป็นสิทธิของเราที่จะสามารถกระทำได้ แต่อยู่ที่ว่าทำแล้วคุ้มค่าหรือเปล่าเท่านั้นเอง

สังคมไทยทุกวันนี้เราทุกคนควรจะลุกขึ้นมาให้ความสนใจตามให้ทันสื่อและปรับความรู้สึกของเรากับสื่อเสียใหม่ ไม่ใช่อะไรก็เชื่อไปหมดเสียทุกอย่าง จากปรากฏการณ์ที่เราเห็นสื่อประคมข่าวเรื่องนักศึกษาที่พากันขายตัวเพื่ออยากได้ของหรู ตามอย่างดารา และไฮโซที่เขาใช้กัน หรือท่าทางและพฤติกรรมของวัยรุ่นไทยสมัยนี้ที่นับวันก็ชักจะกลายเป็นมนุษย์เกากลีกลับชาติมาเกิดกันไปหมดแล้ว เรากำลังไม่มีความภาคภูมิใจในความเป็นตัวเองไม่มีจุดยืนของตัวเอง และเมื่อเกิดปัญหาก็มาโทษเด็กว่าไม่มีความคิด มันไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กเลยที่เขาแค่มีความคิดที่ตามไม่ทันสื่อแล้วต้องมาโดน พวกคนสูงๆหัวแข็งนั่งทำวิจัยวิจารณ์ถูกสังคมด่าว่าเขาแรงๆ สีทุกสีที่แต่งแต้มให้เด็กมันไม่ใช่แค่สีดำแต่มันยังเป็นสีที่ฝังลึกในหัวสมองของเขาให้รู้ด้วยว่าฉันไม่ดีไม่มีอะไรดีเลยทำอะไรก็ผิด ทำไมการที่อยากใช้ของดีมันผิดตรงไหนแล้วถ้าไม่ดีทำไมต้องเอา ดารา ไฮโซมาแข่งกันโชว์ของต่างๆทั้งหลายให้เห็นอยู่ทุกวัน ผู้ใหญ่ทั้งหลายก่อนจะทำอะไรคิดถึงหัวใจเด็กไทยบ้างนะคะ

ตามความเป็นจริงชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากมายอย่างที่เราคิด สิ่งของที่มีค่าที่เราตั้งคุณค่าให้กับมันของสิ่งนั้น ก็เป็นแต่เพียงแค่สมบัติภายนอกที่ใช้ไปแล้ว..ก็หมดสิ้นไป.. สมบัติอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเรา เป็นสมบัติภายใน..นั่นก็คือ..ปัญญา หากเรามีปัญญารู้จักคิดคิดให้เป็นคิดให้พอดีเราก็จะไม่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับความเป็นอยู่ของเรา น้องๆทุกคนไม่ผิดเพียงแต่วันนี้หลงผิดไปคิดตามสื่อเท่านั้นเอง ไม่ว่าใครก็เป็นคนพิเศษทั้งนั้นเมื่อเราได้เกิดขึ้นมาแล้ว โลกนี้ยังเป็นมิตรกับเราเสมอสู้ สู้นะคะเด็กไทยคนเก่ง

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ที่สุดของชีวิต

ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด ของชีวิต คือ ตัวเราเอง
ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของชีวิต คือ การทนงตน
ปัญญาอ่อนที่สุด ของชีวิต คือ การโกหก
หยั่งรู้ยากที่สุด ของชีวิต คือ ใจคน
น่าเศร้าที่สุด ของชีวิต คือ อิจฉาริษยา
ไร้ค่าที่สุด ของชีวิต คือ ไม่ทำความดี
กุศโลบายที่ดีที่สุด ของชีวิต คือ ความซื่อสัตย์
ประมาทที่สุด ของชีวิต คือ คบเพื่อนชั่ว
มีค่าที่สุด ของชีวิต คือ เวลา
น่าสงสารที่สุด ของชีวิต คือ ดูถูกตัวเอง
น่านับถือยกย่องที่สุด ของชีวิต คือ ความมาะนะหมั่นเพียร
ล้มละลายที่หนักที่สุด ของชีวิต คือ สิ้นหวัง
ความร่ำรวยที่มั่งคั่งที่สุด ของชีวิต คือ สุขภาพแข็งแรง
ความยากจนที่สุด ของชีวิต คือ ความไม่รู้จักพอ
ความรักที่มากทีสุด ของชีวิต คือ รักตัวเอง
บาปกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุด ของชีวิต คือ ไม่กตัญญู
ความโง่เขลาที่สุด ของชีวิต คือ ติดยาเสพติด
ความชั่วช้าต่ำต้อยที่สุด ของชีวิต คือ เหยียดหยามผู้อื่น
ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด ของชีวิต คือ เล่นการพนัน
ความสุขที่มากที่สุด ของชีวิต คือ การช่วยเหลือผู้อื่น
ของขวัญที่ดีที่สุด ของชีวิต คือ ให้อภัย
การยอมรับและนับถือมากที่สุด ของชีวิต คือ ความก้าวหน้า
ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุด ของชีวิต คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุด ของชีวิต คือ การให้ทาน

สุดท้าย ของชีวิต คือ ความตาย จะวุ่นวายกันไปทำไม

ข้อคิดดีๆจากพระพุทธศาสนาค่ะให้พระธรรมขัดเกลาจิตใจนะคะ คุณค่าของความมีระเบียบวินัยอย่างแท้จริงคือการซื่อสัตย์ต่อตนเองมี หิริโอตตัปปะ คือละอายต่อความชั่ว กลัวต่อบาป ความไม่ละอายคือความเลวที่ร้ายแรงที่สุด

นี่หรือนักการเมืองไทย

เมื่อภาพรอบๆ ตัวเรา ทำให้เราต้องหมดหวัง และสิ่งต่างๆ ที่ล้อมรอบตัวเรา คือความลับและคำโกหก สังคมไม่สามารถให้คำตอบแก่เราได้ว่ามันเกิดอะไร ทุกคนต้องการอะไร ความหวังความยุติธรรม และศรัทธาที่เคยมีมายาวนานจากนี้ไม่เหลือสิ่งใดให้เชื่ออีกต่อไป อนาคตของคนไทยต้องแขวนอยู่กับอะไรและจะหวังพึ่งสิ่งใดได้บ้างในสังคมนี้

ประเทศไทยในตอนนี้ ผู้คนมากมายต่างสวมหน้ากากเข้าหากันภาพสะท้อนที่เห็นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ทุกคนแค่แสดงไปตามบทบาทและหน้าที่ และพร้อมจะโยนบาปปัดภาระความรับผิดชอบให้กับคนอื่นตลอดเวลาเมื่อหมดหน้าที่ของตัวเอง และสุดท้ายคนที่ซวยอย่างแท้จริงโดยไม่มีสิทธิแม้แต่จะหาทางหนีและหาทางหลบต้องโดนผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือประชาชนทั้งหลายที่มีหน้าทีเสียภาษีให้กับพวกมีสีทั้งหลายที่ชอบทำตัวนิสัยไม่ดี ทำไมคนเราต้องเก็บกดความคิดและความรู้สึกของตนเองทั้งที่ภายในใจเรารับรู้และเรียกร้องบอกกับตัวเองมาโดยตลอดว่ามันไม่ยุติธรรมแต่ทำไมเราต้องยอม

มันจะมีประโยชน์อะไรที่วันนี้เราต่างเชิญคนโน้นคนนี้มาพูดๆๆๆว่าปัญหานี้มันเป็นอย่างนี้และพรุ่งนี้สงสัยว่ามันต้องเป็นไปตาม สถานการณ์อย่างนี้หรือไม่ก็อาจคาดได้ว่ามันอาจจะหนักยิ่งกว่านี้ และแล้วเมื่อพรุ่งนี้มาถึงก็เป็นเหมือนเดิมทุกอย่างจบรายการจบแต่ปัญหายังอยู่ เมื่อแขกรับเชิญทั้งหลายหมดภาระหน้าที่พูดรายการนี้ในวันนี้ต่อไปก็ส่งต่อภาระหน้าที่พูดให้กับอีกคนความวุ่นวายสับสนไม่เคยหายไป กระแสการต่อต้านกันเองกระแสจากสิ่งแวดล้อมที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้าใส่ ทุกคนต่างเดาออกว่าเมื่อหมดเรื่องนี้เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่เข้ามา เป็นอย่างนี้อยู่ทุกครั้งและเป็นอย่างนี้อยู่เป็นเวลาอันยาวนานมาพอสมควรแล้ว ต่างคนต่างไม่ยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน กฎหมายเมื่อไม่ถูกใจฉัน ฉันก็ต้องการแก้ใหม่แก้เท่าไหร่ก็ยังไม่ถูกใจฉันของอีกคนแล้วก็ออกมาเรียกร้องว่ามันไม่ประชาธิปไตย

ขอถามหน่อยได้ไหมท่านผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย ว่าตอนนี้คุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่ พวกท่านทั้งหลายอาจหลอกโลกกลมๆใบนี้หลอกประชาชนบนพื้นแผ่นดินนี้ได้บางคน แต่ไม่อาจหลอกลวงหัวใจของตัวเองได้สิ่งที่เป็นหายนะของเมืองไทยตอนนี้ล้วนมาจากฝีมือของพวกคุณทั้งสิ้น ทุกวันนี้กลางคืนพวกคุณนอนหลับสบายดีฝันดีกันบ้างไหม ที่เห็นคนไทยทะเลาะกัน ก่อนนอนคุณกราบหมอนแล้วอธิษฐานอะไรให้กับตัวเองหรือให้คนบนผืนแผ่นดินไทยนี้บ้างไหม ผู้คนทั้งหลายที่พวกคุณบอกกับเขามาตลอดว่าคุณคือคนของเขา คุณจะทำงานเพื่อเขาแล้วตอนนี้คุณเคยย้อนกลับไปถามตัวคุณเองบ้างไหมว่าสิ่งที่คุณได้พูดออกมาคุณเคยเข้าใจคำพูดของตัวคุณเองบ้างหรือเปล่า

มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาบอกให้ประชาชนมองย้อนกลับไปให้เห็นความผิดของคนอื่น แล้วมาแก้ตัวกับประชาชนว่าสิ่งที่เรากำลังประสบกันอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่คนอื่นทำทิ้งเอาไว้ ทำให้ประชาชนสงสัย ว่าคนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี พยายามมาบอกให้เข้าใจว่าหากมีกฎหมายนี้อีกต่อไปมันจะทำให้พวกคุณทำงานกันไม่ได้ หรือว่าต่อไปมันอาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างหากปล่อยให้กฎหมายที่ใช้กันอยู่นี้มีผลบังคับใช้ต่อไป เพราะฉะนั้นพวกคุณจึงต้องออกมาบอกว่ามันต้องแก้ใหม่ หรือทำให้ประชาชนอย่างเราเข้าใจว่ากฎหมายที่คุณจะทำขึ้นมาใหม่มันจะทำให้ใครต่อใครปรองดองกัน กฎหมายมีไว้แค่จัดระเบียบสังคมไม่ได้มีผลบังคับใช้ให้จิตใจของคนดีขึ้นมา หากกฎหมายบังคับจิตใจคนได้จริงประเทศไทยคงไม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเหมือนเช่นทุกวันนี้ คนที่ยกพวกตีกันคงหยุดกันไปนานแล้ว

เพราะฉะนั้นในวันนี้ จึงอยากจะขอบอกอะไรบางอย่างอยากจะให้พวกคุณได้ตาสว่างไว้ ณ.ที่ตรงนี้เลยนะคะว่าพวกคุณคงจะประเมินคนบนพื้นแผ่นดินไทยแห่งนี้ต่ำเกินไป และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกคุณไม่เคยรู้ตัวของตัวเองเลยสักนิดว่าประชาชนตอนนี้เขาเบื่อ เอือมระอา รันทด สลด สังเวช สมเพศ เวทนาพวกคุณกันเสียเหลือเกินพวกเราทั้งหลายบนผืนแผ่นดินไทยสุดจะทนต่อการกระทำของพวกคุณ อยากจะอ้วกออกมาวันละ3รอบต่อวันอยู่แล้วที่ต้องทนเห็นหน้าของพวกคุณด่ากันไปด่ากันมาในทีวี รู้ไหมหากตอนนี้ประชาชนเลือกได้จริงๆ เราทุกคนอยากผลักดันให้เกิดกฎหมายที่ว่าด้วยการสิ้นสุดกันเสียทีให้มีผลบังคับใช้สำหรับพวกนักการเมืองที่ชอบสาดน้ำลาย ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระทะเลาะกันเป็น10ชาติแล้วก็ไม่รู้จักจบสิ้นกันเสียที เบื่อๆๆๆพวกนักการเมืองเน่าๆๆ
จากเจ้าหญิงวัคซีน รัฐมนตรีกระทรวงความฝัน

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คำสอนของพ่อ

จากใจพ่อ ...หน้าที่ที่ลูกควรปฏิบัติต่อผู้อื่น คือ การมอบน้ำใจให้แก่กันและกันดังต่อไปนี้

๑. ลูกควรมองทุกคนที่พบกันด้วยสายตาที่เป็นมิตร
๒. ลูกควรยิ้มให้ทุกคนที่พบกัน เริ่มแรกยิ้มด้วยสายตา ยิ้มด้วยใบหน้าและริมฝีปากและด้วยจิตใจที่เป็นกันเอง
๓. ลูกควรทำความรู้จักกับผู้อื่นด้วยการยิ้มและทักทาย
๔. ลูกควรโบกมือส่งยิ้มให้กับเด็ก ๆ ที่ลูกพบเห็นโดยทั่วไป
๕. ลูกควรมองคนในแง่ดี ให้มองว่าไม่มีใครจะเลวทั้งหมด
๖. ลูกควรมองว่าคนเราเป็นมิตรกันได้แม้จะมีความคิดต่างกัน
๗. ลูกควรกล่าวคำสวัสดี ยกมือไหว้ ยิ้มหรือก้มหัวตามความเหมาะสม ตามฐานะของตนแล้วแต่กรณี
๘. ลูกควรพยายามเรียกชื่อคนที่เราสนทนาด้วยระวังอย่าเรียกชื่อคนผิด
๙. ลูกควรตั้งใจรับฟังคนอื่นพูด อย่าขัดคอเขา ต้องรู้จักสังเกตให้ดี
๑๐. ลูกควรใช้คำพูดให้ติดปาก คือคำว่า ขอบคุณ ขอโทษ
๑๑. ลูกควรพูดด้วยความสุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน ไม่พูดหยาบคาย
๑๒. ลูกควรพูดชมเชยผู้อื่นเป็นประจำ
๑๓. ลูกควรพูดถึงคนอื่นและผู้บังคับบัญชาในด้านดีกับคนที่เขารู้จัก
๑๔. ลูกควรรู้จักขัดแย้งโดยไม่ให้เขาเสียน้ำใจ
๑๕. ลูกควรพูดคุย ในสิ่งที่ผู้คุยให้ความสนใจ
๑๖. ลูกควรหาเรืองดีดี หรือเรื่องคนทำดีมาคุยกันบ้าง
๑๗. ลูกควรหาเวลางดเว้นการพูดที่ไม่ดี หรืองดเว้นการโกรธอย่างน้อย ๑ วันต่อสัปดาห์
๑๘. ลูกไม่ควรหาเรื่องจับผิดคนอื่นโดยไม่ใช้ปัญญา
๑๙. ลูกควรให้ความเห็นใจ ปลอบใจคนที่กำลังมีความทุกข์

ด้วยรัก….จาก พ่อ