วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

~The Voice Of Silence~





กลางวันที่ต้องอดทนรุ่มร้อน กลางคืนมืดมิดเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
ฉันเดินอยู่บนเส้นทางที่ท้องถนนลุกท่วมเป็นไฟ
ไม่มีใครสักคนที่จะเอื้อมมือมาสัมผัส
บนเส้นทางที่เปลี่ยวและเหงา เงียบและลึก
ฉันเดินไปอย่างตระหนกสั่นไหว บทเพลงจากเหวลึก
ยังบรรเลงขึ้นมาให้ฉันต้องหวาดหวั่นหัวใจ
....
"ความคิดก็เหมือนกับความเจ็บปวดที่ทรมานอยู่เสมอ"
....
ฉันได้ยืนอยู่ระหว่างกลางของเส้นตัด
ของความเป็นและความตาย...สวรรค์และนรก
เสียงจากข้างบนกล่าวเตือนกับฉันว่า
สัจธรรม ความงดงาม ความดี นั่นคือของดีที่เธอจงทำ
ทันใดนั้นเสียงจากนรกก็ตะโกนเย้ยหยันกลับมาว่า
เธอจะเห็นสัจธรรมจากสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัสถึงได้อย่างไร
สวรรค์นั้นบิดเบือนด้วยเสียงสวดจากความงดงาม
ของคุณความดีที่มีอยู่เกลื่อนเมือง
ปิดบังไม่ให้เธอได้มองเห็นความจริงในห้วงนรก
เธอจะกลัวสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นได้อย่างไร
เธอจะด่วนตัดสินสิ่งที่เธอไม่เคยมองเห็นไปทำไม???
....
บัดนี้จิตใจของฉันวุ่นวาย สับสนวิ่งวนไปอย่างคนบ้า
เสรีภาพจากความบ้าในตัวฉันถูกโดดเดี่ยว
 ฉันอยู่ในบ้านแห่งสวัสดิภาพของความบ้าอย่างเดียวดาย
ความมั่นใจในตัวเองทำให้ฉันตกเป็นทาสของความทะนงตัว
ความงมงายในสวัสดิภาพทำให้ความกล้าหาญในโลกกว้างฉันถูกขโมย
ฉันมองไม่เห็นพรจากแสงของตะวันยามเช้า
 ฉันไม่เห็นความรักจากแสงของจันทรายามค่ำคืน
ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยว อ่อนแรง สิ้นหวัง
ในเกาะกำบังแห่งการเวียนว่ายตายเกิดของความคิด
ฉันได้แต่ร้องร่ำปรับทุกข์อยู่ในความฝัน ร้องขอพรวิงวอนอยู่ในฝัน
สวดบ่นตะโกนไปอย่างนั้นแต่กลับให้เสียงนั้นดังอยู่แค่ข้างใน
ไม่กล้าแม้แต่จะให้เสียงนั้นดังเล็ดลอดออกไป
....
...ฉันหวาดกลัว...ฉันกลัวใครจะได้ยิน...
ฉันกลัวว่าเสียงร้องขอจากหัวใจฉันมันจะมิใช่สิ่งอื่นใดเลย
นอกเสียจากเสียงของความคิด ที่คนอื่นๆได้คิดเห็นเป็นรูปธรรมเอาไว้แล้ว
และการกระทำของฉันก็คือความหวังที่ทุกคนมิได้ตั้งเอาไว้
ฉันจึงยังคงให้ความฝันของฉัน
อาศัยอยู่ในบ้านแห่งความมืดมิดและเงียบต่อไป
โดยไม่มีใครได้มองเห็น ไม่มีใครได้เข้าไปถึงที่ตรงนั้น
หากแต่ความเป็นจริงของความฝัน เนื้อหาแห่งความหวัง
ฉันยังคงโอบกอดมันไว้ด้วยจิตวิญญาณของฉัน
ยังมิให้ได้หลุดลอยไป ยังอยู่ในที่ที่เป็นนิรันดิ์
.... 
เพราะสิ่งซึ่งมาจากนิรันดิ์ ควรหวนคืนสู่ที่ซึ่งเป็นนิรันดิ์


...วัคซีน

ไม่มีความคิดเห็น: